เพื่อไม่ให้ ซัวเรซ ต้องเดินเดียวดาย เราขอพาแฟนๆ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องฉาวๆ อีกเพียบที่เคยเกิดขึ้นบนเวทีฟุตบอลโลก
"แบตเทิ่ล ออฟ เบิร์น" เหตุการณ์ นี้ย้อนกลับไปยังฟุตบอลโลก 1954 ที่สวิตเซอร์แลนด์ ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศระหว่างบราซิล กับ ฮังการี โดยผลการแข่งขันฮังการ เอาชนะไป 4-2 ทว่าตลอดเกมนัดนี้ทั้งสองทีมปะทะกันดุเดือดเลือดพล่านเสมือนโกรธกันมาแต่ ชาติปางก่อน โดยมีทีม "แซมบ้า" เป็นผู้จุดชนวน จนเกมนี้ได้รับการขนานนามว่า "แบตเทิ่ล ออฟ เบิร์น"
นัดนี้ได้รับการบันทึกลงในประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก ว่าเป็นเกมที่เล่นกันได้สกปรกที่สุด เพราะนอกจากมีผู้เล่นโดนไล่ออกถึง 3 คนแล้ว ระหว่างการแข่งขันยังมีการหยุดเกมบ่อยครั้งอันเนื่องมาจากที่ทั้งสองฝ่ายมี เรื่องกระทบกระทั่งกัน แถมบรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชของบราซิล รวมถึงผู้สื่อข่าวเข้ามาแจมเหตุการณ์อีกด้วย
******************************************************************
"โหดสัส"
ย้อนกลับไปยังฟุตบอลโลก 1982 เรื่องสุดอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในเกมรอบรองชนะเลิศ ระหว่างฝรั่งเศส กับเยอรมัน ตะวันตก
จังหวะ ปัญหาเกิดขึ้นในนาทีที่ 58 ขณะที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 1-1 แพทริก บัตติสต็อง ตัวสำรองของทีม "ตราไก่" ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงสนามมาในนาทีที่ 50 ได้จังหวะหลุดเข้าไปลุ้นยิงประตู
ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ เกิดขึ้นเมื่อ "โทนี่" ชูมัคเกอร์ นายทวารอินทรีเหล็กได้ลอยตัวเข้ามาชาร์จเต็มศรีษะของ บัตติสต็อง จนสลบกลางอากาศพร้อมหล่นกระแทกพื้นนับสามสิบก็ไม่ลุก และเกมก็ต้องชะงักไปนานหลายนาที ก่อนต้องหามดาวเตะเมืองน้ำหอมผู้โชคร้ายออกจากสนาม โดยมี มิเชล พลาตินี่ เพื่อนซี้เดินดูอาการอย่างใกล้ชิด
สำหรับบัตติสต็อง การโดนเข้ามาชาร์จครั้งนี้ ทำให้เข้าฟันหัก 3 ซี่ร่วมถึงได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ขณะที่ ชูมัคเกอร์ ผู้ก่อเหตุออกมาแสดงความรับผิดชอบแบบหน้าระรื่นว่า "บอกเขาด้วยนะ เดี๋ยวผมจ่ายค่าฟันปลอมให้"
******************************************************************
"แฮนด์ ออฟ ก็อด" เวิลด์ คัพ 1986 ที่เม็กซิโก เปรียบเสมือน "มาราโดน่า 1986" เพราะในทัวร์มาเมนต์นี้ "เสือเตี้ย" คือพระเอกของรายการและพระเจ้าของชาวอาร์เจนไตน์อย่างแท้จริง
อย่าง ไรก็ตามในตัวของพระเจ้านามมาราโดน่า กลับมีซาตานสิงสู่อยู่ลึกๆ และได้แสดงให้เห็นเกมที่พบทีมอังกฤษ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งผลการแข่งขันอาร์เจนตินา เอาชนะไป 2-1 โดยทั้งสองประตูมาจากมาราโดน่า
ทั้ง นี้สองประตูของ "เสือเตี้ย" ทำได้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นประตูที่ สองที่โชว์สเต็ปเทพลากบอลจากแดนตัวเอง เลี้ยงผ่าผู้เล่นสิงโตคำรามเกินครึ่งทีมเข้าไปยิงผ่านปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไปตุงตาข่าย
ทว่าประตูแรกที่ทำได้นับเป็นเรื่องที่ฉาวโฉ่สุดๆ เมื่อมาราโดน่า ซึ่งตัวเตี้ยกว่าปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารทีมชาติอังกฤษ เกือบ 20 เซนติเมตร สามารถโฉบโหม่งบอลตัดหน้าเข้าไปตุงตาข่าย โดยภายหลังแสดงให้เห็นว่ามาราโดน่า ใช้มือปัดบอลเข้าไปตุงตาข่าย ขณะที่หลังเกม "เสือเตี้ย" ออกมาปฏิเสธว่าเป็นมือของเขาแต่มันเป็น "หัตถ์พระเจ้า" หรือ "แฮนด์ ออฟ ก็อด"
******************************************************************
ถุยส์!
เหตุการณ์ฉาวๆ ยังเกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง ครั้งนี้เกิดขึ้นในปี 1990 ที่อิตาลี เป็นเกมระหว่างเยอรมัน กับฮอลแลนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
นัดนี้ต่างฝ่ายต่างหวดกันไฟแลบ และดีกรีความรุนแรงไม่ต่างจากในการรบพุ่งบนสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2
เกม นี้แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด กองหลังทีมกังหันลม ต้องเผชิญหน้ากับรูดี้ โฟลเลอร์ กองหน้า "อินทรีเหล็ก" ต่อเนื่องตลอดทั้งเกม และทั้งสองคนต่างก็เข้าปะทะกันอย่างดุเดือด ก่อนจะเรื่องฉาวจะเกิดขึ้นในจังหวะที่ปะทะกันไรจ์การ์ด ทำฟาวล์โฟลเลอร์ จนโดนใบเหลือง จากนั้นไรจ์การ์ด ก็ได้ถ่มน้ำลายไปใส่ผมของโฟลเลอร์ จากด้านหลังซะอย่างนั้น
******************************************************************
"เฮดบัตต์" เรื่อง สุดฉาวเรื่องนี้เชื่อว่าหลายๆคนยังคงจนได้ โดยย้อนไปในเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน อันเป็นการพบกันระหว่างฝรั่งเศส กับอิตาลี

เป็น ที่รู้กันว่าทัวร์นาเมนต์นี้ เป็นรายการใหญ่รายการสุดท้ายที่ซีเนอดีน ซีดาน สุดยอดเพลย์เมกเกอร์จะลงรับใช้ทีมชาติฝรั่งเศส พร้อมตั้งความหวังว่าจะพาทีมคว้าแชมป์โลก สมัยที่สองให้ได้
เทพ "ซิซู" พังประตูให้ฝรั่งเศส นำก่อน 1-0 ทว่ามาร์โก มาเตราซซี่ ก็ตีเสมอให้ "อัซซูรี่" สำเร็จ และเกม 90 นาทีก็เสมอกัน 1-1 ต้องไปตัดสินในช่วงต่อเวลาพิเศษ
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงนาทีที่ 110 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ถูกนำมาเล่าขานกันไม่มีวันจบเมื่อทั้งซีดาน และมาเตรัซซี่ มีการปะทะกันในเขตโทษ ก่อนที่ทั้งสองคนจะวิ่งตีคู่กันมาพร้อมถกเถียงอะไรบางอย่างแต่แล้วจู่ๆ ซีดาน ก็ฟิวล์ขาดใช้หัวโหม่งไปที่หน้าอกของมาเตรัซซี่ จนล้มกลิ้งไปนอนกับพื้น ก่อนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป สุดท้ายอิตาลี ก็เป็นแชมป์โลก ด้วยการเอาชนะไปในการดวลจุดโทษ