มัทส์ ฮุมเมิลส์ กลายเป็นฮีโร่ของทัพอินทรีเหล็ก เมื่อโขกประตูชัยช่วยให้ เยอรมัน เป็นฝ่ายเฉือนเอาชนะ ฝรั่งเศส 1-0 ทะลุผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

     ฟุตบอลโลก 2014
(รอบ 8 ทีมสุดท้าย)

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2557

ฝรั่งเศส 0-1 เยอรมัน

สนาม : เอสตาดิอู ดู มาราคาน่า, รีโอ เด จาเนโร

 ทัพ "ตราไก่" ฝรั่งเศส วาง มาติเยอ วัลบูเอน่า, อองตวน กรีซมันน์ และ คาริม เบนเซม่า ลงประสานงานในแดนหน้า ขณะที่ ฝั่ง "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ใช้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ เป็นหน้าเป้า โดยมี เมซุต โอซิล คอยปั้นเกมอยู่ด้านหลัง <% response.ContentType="text/html; charset=tis-620"%>

  เริ่มเกมการแข่งขัน เยอรมัน เป็นฝ่ายครองบอลบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่สามารถผ่านแนวรับ ฝรั่งเศสได้

  นาทีที่ 7 โอกาสทำประตูครั้งแรกของเกมเป็นของ ทีมตราไก่ จากจังหวะที่ มาติเยอ วัลบูเอน่า ได้บอลหลุดเข้าเขตโทษฝั่งขวาก่อนไหลบอลเข้ากลางให้ คาริม เบนเซม่า ได้ยิงด้วยซ้ายแต่บอลหลุดกรอบออกไป

   นาทีที่ 12 แฟนอินทรีเหล็กได้เฮลั่น จากลูกฟรีคิกกลางสนาม โทนี่ โครส บรรจงเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ มัทส์ ฮุมเมิลส์ ใช้ความสูงใหญ่เบียดแย่งโหม่งกับ ราฟาแอล วาราน บอลพุ่งเช็ดคานตุงตาข่าย ให้ เยอรมัน ออกนำ 1-0

  นาทีที่ 25 เยอรมัน ทำเกมรุกมาอีกครั้ง ซามี่ เคดิร่า แทงบอลให้ โธมัส มุลเลอร์ วิ่งเบียดกับ ปาทริซ เอวร่า เข้าเขตโทษ แต่ อูโก้ โยริส อ่านทางดีวิ่งออกมาล้มตัวตัดบอลไว้ได้

  นาทีที่ 33 ทีมตราไก่ได้ลุ้นตีเสมอ อองตวน กรีซมันน์ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าเขตโทษก่อนเปิดบอลไปที่เสาสองให้ มาติเยอ วัลบูเอน่า ได้ยิงด้วยซ้าย มานูเอล นอยเออร์ พุ่งปัดมือเดียว บอลมาเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ได้ยิงซ้ำแต่บอลโดน มัทส์ ฮุมเมิลส์ ออกหลังไป

  นาทีที่ 43 ฝรั่งเศส ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกยิงของ คาริม เบนเซม่า แต่บอลไปตรงตัว มานูเอล นอยเออร์ รับเข้าซองได้ไม่มีปัญหา

  หมดครึ่งเวลาแรก เยอรมัน ออกนำ ฝรั่งเศส 1-0

  กลับมาเล่นต่อกันในครึ่งเวลาหลัง ทีมตราไก่แก้เกมมาดี บุกกดดันตั้งแต่ต้นทันที แต่ยังทำได้แค่หวาดเสียว

   นาทีที่ 54 ซามี่ เคดิร่า โดนใบเหลืองคนแรกของเกม หลังไปเจตนาดึง อองตวน กรีซมันน์

  นาทีที่ 56 ทีมอินทรีเหล็กได้ลุ้นอีกครั้ง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ผ่านบอลให้ โทนี่ โครส ได้สับไกหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดกรอบออกไป

  นาทีที่ 59 ทีมตราไก่ ได้โอกาสครั้งแรกในครึ่งหลัง มาติเยอ เดอบูชี่ เปิดบอลจากริมเส้นฝั่งขวาเข้าไปหน้าประตูให้ ราฟาแอล วาราน ได้โขกเข้ากรอบแต่ มานูเอล นอยเออร์ ยืนถูกที่โดดรับได้ไม่ยาก

   นาทีที่ 69 เยอรมัน เปลี่ยนตัวคนแรกโดยถอดเอา มิโรสลาฟ โคลเซ่  ออกและส่ง อันเดร เชือร์เล่ ลงเล่นแทน

  นาทีต่อมา เยอรมัน ได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกยิงบนเส้นเขตโทษของ โธมัส มุลเลอร์ แต่บอลผ่านหน้าประตูออกไป

   นาทีที่ 72 ฝรั่งเศส เปลี่ยนตัวเอา มามาดู ซาโก้ ที่สภาพร่างกายยังไม่ฟิตเต็มร้อยออก และส่ง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ลงเล่นแทน

   สองนาที่ต่อมา ทีมตราไก่เปลี่ยนตัวคนที่สองโดยส่ง โลอิก เรมี่ ลงสนามไปแทน โยอัน กาบาย

  นาทีที่ 77 ทีมตราไก่เริ่มได้ลุ้นมากขึ้น แบลส มาตุยดี้ ได้ยิงในเขตโทษแต่ มานูเอล นอยเออร์ ยังปัดเอาไว้ได้

   นาทีที่ 80 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ รับใบเหลืองหลังไปทำฟาวล์ตัดเกมใส่ อองตวน กรีซมันน์

  นาทีที่ 82 ทีมอินทรีเหล็ก น่าจะได้ประตูหนีห่างแบบสุดๆ เมื่อ เมซุต โอซิล หลุดไปเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปหน้าเขตโทษ โธมัส มุลเลอร์ ยิงพลาดแต่กลายเป็นดี บอลเลยไปเข้าทาง อันเดร เชือร์เล่ ที่ได้ยิงโล่งๆคนเดียว แต่กองหน้าจากเชลซีกลับยิงด้วยซ้ายไปติดขา อูโก้ โยริส อย่างเหลือเชื่อ

   นาทีที่ 84 เยอรมันเปลี่ยนเอา มาริโอ เกิทเซ่ ลงสนามไปแทน เมซุต โอซิล

   นาทีที่ 89 ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ กุนซือตราไก่ตัดสินใจเปลี่ยนตัวคนสุดท้ายโดยส่ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ลงไปแทน มาติเยอ วัลบูเอน่า

   ช่วงทดเวลาโยอัคคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์เปลี่ยนเอา โทนี่ โครส ออกและส่ง คริสโตเฟอร์ คราเมอร์ ลงแทน

  นาทีสุดท้ายของการทดเวลา ทีมตราไก่น่าจะได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ คาริม เบนเซม่า ทำชิ่งกับ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก่อนหลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายเต็มๆ แต่ มานูเอล นอยเออร์ โชว์ซูเปอร์เซฟปัดมือเดียวเอาไว้ได้

  หมดเวลาการแข่งขัน เยอรมัน เป็นฝ่ายเอาชนะ ฝรั่งเศส ไปได้ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ได้เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์
 

 รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม
 ฝรั่งเศส (4-3-3) : อูโก้ โยริส, มาติเยอ เดอบูชี่, ราฟาแอล วาราน, มามาดู ซาโก้, ปาทริซ เอวร่า, ปอล ป็อกบา, โยอัน กาบาย, แบลส มาตุยดี้, มาติเยอ วัลบูเอน่า, อองตวน กรีซมันน์, คาริม เบนเซม่า
 เทรนเนอร์ : ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์


 เยอรมัน (4-3-3) : มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เยโรม บัวเต็ง, มัทส์ ฮุมเมิลส์, เบเนดิคท์ โฮเวเดส, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า, โทนี่ โครส, เมซุต โอซิล, โธมัส มุลเลอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ่
 เทรนเนอร์ : โยอัคคิม เลิฟ


 ผู้ตัดสิน : เนสตอร์ ปิตาน่า (อาร์เจนติน่า)