ดาวเด่น: ซามูเอล เอโต้
บอลโลกที่ผ่านมา: 1982 (รอบแรก)  1990 (รอบก่อนรองชนะเลิศ)  1994 (รอบแรก)  1998 (รอบแรก)  2002 (รอบแรก) 2010  (รอบแรก)
เส้นทางสู่บอลโลกบราซิล: ทีมอันดับ 59 โลก ได้เล่นในรอบสุดท้ายเป็นสมัยที่ 7 เคยทำผลงานทะลุถึงรอบ  8 ทีมสุดท้าย ในปี 1990 แต่ในครั้งนี้ เข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ก็ถือว่าเยี่ยมแล้ว

แคเมอรูนฝ่าวิกฤติการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีม ผู้เล่นผิดกฎ และเพลย์ออฟสุดพิสดารมาจนถึงบราซิล 2014 ในที่สุด

ทีมแอฟริกันระดับบุกเบิกของฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ฝากผลงานน่าประทับใจไว้ตั้งแต่ยุคเรื่องรองของโรเจอร์ มิลลา ที่พาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในฟุตบอลโลก 1990 ที่อิตาลี

แคเมอรูนจะลงเล่นุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 7 ซึ่งมากที่สุดในบรรดาชาติแอฟริกัน ภายใต้การคุมทีมของโฟลเลอร์ ฟิงเค อดีตกุนซือไฟร์บวร์ก ซึ่งเป้าหมายคือการไปให้ไกลกว่ารอบแบ่งกลุ่มที่พวกเขาจอดตรงนี้มาสี่ครั้งติดกันแล้ว

ซึ่งกุนซือวัย 65 ไม่อาจคาดหวังความเมตตาจากนายจ้างได้ หากผลงานไม่เข้าเป้า เนื่องจากเขาเป็นกุนซือคนที่ 7 เข้าไปแล้ว นับตั้งแต่ปี 2007

แม้จะถือเป็นตัวเต็ง แต่รอบคัดเลือกที่ถูกจับมาอยู่ร่วมกลุ่มกับโตโก, ลิเบีย และ ดีอาร์ คองโก นั้น ก็ไม่ได้ราบรื่นเสียทีเดียว เกมแรกของพวกเขาในยาอุนเด้ยังต้องอาศัยจุดโทษของเอริค ชูโป-โมติง มาช่วยตัดสินชัย

 ชูโป-โมติง ยิงได้มากกว่าเดิมในนัดต่อมา แต่จังหวะพรวดพราดของคาร์ลอส กาเมนี ก็ทำให้ทีมเสียประตูในช่วงท้ายเกม ลงเอยด้วยสกอร์ 2-1 เหนือลิเบียทีมรองบ่อนแบบหืด ๆ

ผลงานนัดนั้นสร้างแรงกดดันให้ เดนิส ลาวาน กุนซือเฟรนช์แมนไม่น้อย จนสุดท้ายต้องตกเก้าอี้ในสามเดือนต่อมาจากความพ่ายแพ้ต่อ เคป เวิร์ด ในฟุตบอลแอฟริกัน เนชันส์ คัพ รอบคัดเลือก

ฌอง-ปอง อโกโน กุนซือผู้พาทีมคว้าแชมปืโอลิมปิคปี 2000 ที่ซิดนีย์ เข้ามารับหน้าที่รักษาการณ์ พาทีมชนะโตโก 2-1 จากจุดโทษท้ายเกมของซามูเอล เอโต้

เกมกลับไปเยือนโตโกนั้นแปดเปื้อนด้วยกรณีอื้อฉาว เมื่อชัยชนะ 2-0 ของเจ้าบ้านถูกเปลี่ยนเป็นปรับแพ้ 3-0 เนื่องจาก อเลกซิส โรมาโอ ถูกส่งลงสนามทั้งที่ติดโทษแบน หมอผีได้สามแต้มเสียอย่างนั้น

ฟิงเครับงานในเดือนพฤษภาคม เริ่มต้นด้วยการเสมอดีอาร์ คองโก แบบไร้สกอร์ แล้วเก็บชัยนัดแรกเหนือลิเบีย การันตีตั๋วเพลย์ออฟแล้ว

 พวกเขาถูกจับฉลากมาเจอกับตูนิเซีย ซึ่งแคเมอรูนออกไปเสมอก่อน 0-0 แล้วกลับมาขยี้ในบ้าน 4-1

ด้วยแผงกลางอย่าง ฌอง มากูน, อเล็กซ์ ซง และสเตฟาน เอ็มเบีย สองมิดฟิลด์ระดับลา ลีกา ทำให้พวกเขาสามารถปรับแผนการเล่นได้หลากหลาย ส่วนแผงหลังที่มีออเรเลียน เชดจู, นิโกลาส์ เอ็นโกลู, เบอนัวต์ อัสซู, เอก็อตโต้ ก็น่าจะทำให้ฟิงเค่ไปบราซิลอย่างเบาใจในเกมรับพอสมควร

และแน่นอนว่าในแดนหน้าจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของแคเมอรูนอย่างซามูเอล เอโต้ กองหน้าเชลซี ที่สามารถลงเล่นให้ทีมชาติในตำแหน่งปีกขวาอย่างไม่เกี่ยงงอน ซึ่งนี่คือสปิริตที่ฟิงเค่ต้องการให้เป็นแบบอย่างแก่ผู้เล่นทุกคน หากจะไปให้ถึงรอบน็อคเอาท์ตามเป้าหมาย