เตรียมเปิดฉากกันแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งที่ 9 ปี 2012 ซึ่งประเทศไทย และ มาเลเซีย เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ระหว่างวันที่ 24 พ.ย.-22 ธ.ค.นี้

สนามแข่งขัน

4 สนามที่จะใช้เป็นสังเวียนการแข่งขันครั้งนี้

ประเทศไทย จะจัดการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม สาย เอ ได้แก่ ไทย, ฟิลิปปินส์, เมียนมาร์ และ เวียดนาม โดยใช้ 2 สนาม คือ ราชมังคลากีฬาสถาน (ความจุ 6.5 หมื่นที่นั่ง) และ เอสซีจี สเตเดียม (ความจุ 1.5 หมื่นที่นั่ง) ส่วน ประเทศมาเลเซีย จะจัดการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม สาย บี ได้แก่ มาลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และ ลาว โดยใช้ 2 สนาม คือ บูกิต จาอิล (ความจุ 1 แสนที่นั่ง) และ ชาห์ อลัม สเตเดียม (ความจุ 8 หมื่นที่นั่ง)

หมายเหตุ : สนามเอสซีจี สเตเดียม แทนที่ สนามศุภชลาศัย ซึ่งไม่พร้อมใช้งาน และหากทีมไทย ผ่านเข้ารอบน็อกเอ้าท์ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ สนามแห่งนี้ก็จะถูกใช้เป็นสนามเหย้าแทน ราชมังคลากีฬาสถาน ที่ติดจัดงาน "เรซ ออฟ แชมเปียนส์ 2012" ระหว่างวันที่ 14-16 ธ.ค.นี้

8 ชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน

ลาว (ซ้าย) และ เมียนมาร์ (ขวา) ผ่านรอบคัดเลือกมาเล่น

ผ่านเข้ารอบโดยอัตโนมัติ 6 ทีม ได้แก่ ไทย, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม และ ฟิลิปปินส์
ผ่านเข้ารอบโดยการคัดเลือก 2 ทีม ได้แก่ เมียนมาร์ (ในฐานะแชมป์รอบควอลิฟาย) และ ลาว (ในฐานะรองแชมป์ รอบควอลิฟาย)*

หมายเหตุ : 5 ทีมที่มีอันดับโลกฟีฟ่าต่ำสุดในย่านอาเซียน ได้แก่ เมียนมาร์, ลาว, ติมอร์ เลสเต, บรูไน และ กัมพูชา

 
โปรแกรมการแข่งขัน

รอบแบ่งกลุ่ม สาย เอ ประเทศไทย

24 พ.ย.2555
17.30 น. เวียดนาม พบ เมียนมาร์ สนามราชมังคลากีฬาสถาน
20.20 น. ไทย พบ ฟิลิปปินส์ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

27 พ.ย.2555
17.30 น. เวียดนาม พบ ฟิลิปปินส์ สนามราชมังคลากีฬาสถาน
20.20 น. ไทย พบ เมียนมาร์ สนามราชมังคลากีฬาสถาน

30 พ.ย.2555
20.20 น. ฟิลิปปินส์ พบ เมียนมาร์ สนามเอสซีจี สเตเดียม
20.20 น. ไทย พบ เวียดนาม สนามราชมังคลากีฬาสถาน

รอบแบ่งกลุ่ม สาย บี ประเทศมาเลเซีย

25 พ.ย.2555
18.00 น. อินโดนีเซีย พบ ลาว สนามบูกิต จาลิล เนชั่นแนล สเตเดียม
20.45 น. มาเลเซีย พบ สิงคโปร์ สนามบูกิต จาลิล เนชั่นแนล สเตเดียม

28 พ.ย.2555
18.00 น. อินโดนีเซีย พบ สิงคโปร์ สนามบูกิต จาลิล เนชั่นแนล สเตเดียม
20.45 น. มาเลเซีย พบ ลาว สนามบูกิต จาลิล เนชั่นแนล สเตเดียม

1 ธ.ค.2555
20.45 น. สิงคโปร์ พบ ลาว สนามชาห์ อลัม สเตเดียม
20.45 น. มาเลเซีย พบ อินโดนีเซีย สนามบูกิต จาลิล เนชั่นแนล สเตเดียม

รอบน็อกเอ้าท์ (แข่งเหย้า-เยือน)

รอบรองชนะเลิศ นัดแรก
8 ธ.ค.2555 รองแชมป์ กลุ่ม เอ พบ แชมป์ กลุ่ม บี
9 ธ.ค2555 รองแชมป์ กลุ่ม บี พบ แชมป์ กลุ่ม เอ

รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง
12 ธ.ค.2555 แชมป์ กลุ่ม บี พบ รองแชมป์ กลุ่ม เอ
13 ธ.ค.2555 แชมป์ กลุ่ม เอ พบ รองแชมป์ กลุ่ม บี

รอบชิงชนะเลิศ นัดแรก
19 ธ.ค.2555 ผู้ชนะรอบรองชนะเลิศ 1 พบ ผู้ชนะรอบรองชนะเลิศ 2

รอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง
22 ธ.ค.2555 ผู้ชนะรอบรองชนะเลิศ 2 พบ ผู้ชนะรอบรองชนะเลิศ 1

นักเตะดาวรุ่งที่น่าจับตามอง

ธีราทร บุญมาทัน 1 ใน 8 ดาวรุ่งที่น่าจับตามอง

ไทย : ธีราทร บุญมาทัน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) อายุ 22 ปี ตำแหน่ง แบ็กซ้าย, ปีกซ้าย
ฟิลิปปินส์ : เจฟฟรีย์ คริสเตียนส์ (โกลบอล เอฟซี) อายุ 21 ปี ตำแหน่ง ปีก
เมียนมาร์ : คีย์ ลิน (ย่างกุ้ง ยูไนเต็ด) อายุ 20 ปี ตำแหน่ง กองกลาง
เวียดนาม : เหงียน วาน คูเยต (ฮานอย ทีแอนด์ที) อายุ 21 ปี ตำแหน่ง กองหน้า,ปีก
มาเลเซีย : วาน แซค ไฮกัล (ฮารูมาอู มูดา เอ) อายุ 21 ปี ตำแหน่ง ปีก
อินโดนีเซีย : อันดริก เวอร์มานสยาห์ (เปอร์เซบายา สุราบายา) อายุ 21 ปี ตำแหน่ง กองกลาง,ปีก
สิงคโปร์ : ซาฟูวาน บาฮารูดิน (Singapore Lions XII) อายุ 21 ปี ตำแหน่ง กองหลัง
ลาว :  เกดสะดา สุกสะหวัน (หนองคาย เอฟที) อายุ 19 ปี ตำแหน่ง กองหลัง 

 
ประวัติความเป็นมาของ ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 

สำหรับศึกลูกหนังอาเซียนนี้ ถูกจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1996 โดยครั้งแรกใช้ชื่อว่า "ไทเกอร์ คัพ" ตามสปอนเซอร์หลัก จนถึงปี ค.ศ.2004 ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น "อาเซียน ฟุตบอล แชมเปียนชิพ" หรือ อาเซียนคัพ จากนั้น ในปี ค.ศ.2008 การแข่งขันใช้ชื่อ "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ" ตามสปอนเซอร์ "ซูซูกิ"

ในปี ค.ศ.2004 มีการเปลี่ยนการแข่งขันในรอบน็อกเอ้าท์ เป็นการเตะเหย้า-เยือน โดยไม่นับผลประตูนอกบ้าน ก่อนจะถูกนำมาเริ่มใช้ในปี ค.ศ.2010 และได้ยกเลิกชิงอันดับ 3 ตั้งแต่ปี ค.ศ.2007 เป็นต้นมา

ชาติเจ้าภาพ และทำเนียบแชมป์ที่ผ่านมา

ทีมชาติไทย ได้แชมป์ 3 สมัยมากสุดเท่ากับ สิงคโปร์

ประเทศไทย ได้เป็นเจ้าภาพมาแล้ว 3 ครั้ง และครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 4 โดยที่ผ่านมา สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ 3 สมัย (1996, 2000, 2002) มากที่สุดเท่ากับ สิงคโปร์ รวมถึงได้รองแชมป์ 2 สมัย (2007, 2008) และ อันดับสาม 1 สมัย (1998) ส่วนแชมป์เก่าปีที่แล้วได้แก่ มาเลเซีย โดยเอาชนะ อินโดนีเซีย รอบชิงชนะเลิศ ด้วยสกอร์รวม 4-2

ค.ศ.1996 สิงคโปร์ (แชมป์ ไทย) มี 10 ทีม
ค.ศ.1998 เวียดนาม (แชมป์ สิงคโปร์) มี 8 ทีม
ค.ศ.2000 ไทย (แชมป์ ไทย) มี 9 ทีม
ค.ศ.2002 อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์ (แชมป์ ไทย) มี 9 ทีม
ค.ศ.2004 มาเลเซีย และ เวียดนาม (แชมป์ สิงคโปร์) มี 10 ทีม
ค.ศ.2007 สิงคโปร์ และ ไทย (แชมป์ สิงคโปร์) มี 8 ทีม
ค.ศ.2008 อินโดนีเซีย และ ไทย (แชมป์ เวียดนาม) มี 8 ทีม
ค.ศ.2010 อินโดนีเซีย และ เวียดนาม (แชมป์ มาเลเซีย) มี 8 ทีม

ตำแหน่งดาวซัลโวแต่ละทัวร์นาเมนต์

เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ (ซ้าย), ธีรศิลป์ แดงดา (กลาง) และ วรวุฒิ ศรีมะฆะ (ขวา) เคยคว้ารางวัลดาวซัลโวประจำทัวร์นาเมนต์

ค.ศ.1996 เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ (ไทย) 7 ประตู
ค.ศ.1998 เมียว ฮแลง วิน (เมียนมาร์) 4 ประตู
ค.ศ.2000 เกนดุต โดนี คริสเตียนวาน (อินโดนีเซีย) และ วรวุฒิ ศรีมะฆะ (ไทย) 5 ประตู
ค.ศ.2002 บัมบัง ปามุงกาส (อินโดนีเซีย) 8 ประตู
ค.ศ.2004 อิลฮัม จายา เคซูมา (อินโดนีเซีย) 7 ประตู
ค.ศ.2007 โมฮัมหมัด นอห์ อลัม ชาห์ (สิงคโปร์) 10 ประตู
ค.ศ.2008 บูดี ซูดาร์โซโน (อินโดนีเซีย), เอกู คาสเมียร์ (สิงคโปร์) และ ธีรศิลป์ แดงดา (ไทย) 4 ประตู
ค.ศ.2010 โมฮัมหมัด ซาฟี โมฮัมหมัด ซาลี (มาเลเซีย) 5 ประตู

ดาวซัลโวสูงสุดตลอดประจำทัวร์นาเมนต์

นอห์ อลัม ชาห์ แข้งตัวเก๋าของสิงคโปร์ รั้งดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาล

อันดับ 1 นอห์ อลัม ชาห์ (สิงคโปร์) 17 ประตู
อันดับ 2 วรวุฒิ ศรีมะฆะ (ไทย) 15 ประตู
อันดับ 3 เล ฮุนห์ ดุค (เวียดนาม) 14 ประตู
อันดับ 4 คูร์เนียวาน ดวี ยูเลียนโต (อินโดนีเซีย) 13 ประตู
อันดับ 5 บัมบัง ปามุงกาส (อินโดนีเซีย) และ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ไทย) 12 ประตู
อันดับ 6 เอกู คาสเมียร์ (สิงคโปร์) 11 ประตู

รางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าแต่ละทัวร์นาเมนต์

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ซ้าย) กับ เทิดศักดิ์ ใจมั่น (ขวา) เคยคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยม

ค.ศ.1996 ไซนาล เอบิดิน ฮัสซาน (มาเลเซีย)
ค.ศ.1998 ไม่มี
ค.ศ.2000 เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ไทย)
ค.ศ.2002 เทิดศักดิ์ ใจมั่น (ไทย)
ค.ศ.2004 ลีโอเนล ลูอิส (สิงคโปร์)
ค.ศ.2007 นอห์ อลัม ชาห์ (สิงคโปร์)
ค.ศ.2008 ดูออง ฮอง ซอน (เวียดนาม)
ค.ศ.2010 เฟอร์แมน อูตินา (อินโดนีเซีย)