7MTH.COM
อยู่ที่: หน้าแรก >

บาโลฮีโร่!อัซซูรี่ฟอร์มหรูเชือดสิงโต2-1

15/06/2014 By siamsport

 
"ซุปเปอร์มาริโอ" มาริโอ บาโลเตลลี่ รับบทฮีโร่ เมื่อโขกประตูชัยพา ทัพ "อัซซูรี่" อิตาลี ทุบชนะ "สิงโตคำราม" อังกฤษ ไปได้อย่างสนุก 2-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบแรก กลุ่ม ดี เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2557


 

 

ฟุตบอลโลก 2014 รอบแรก กลุ่ม ดี

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2557

อังกฤษ 1 - 2 อิตาลี

สนาม : อาเรน่า อมาโซเนีย, มาเน้าส์ 

 
 รอย ฮ็อดจ์สัน กุนซือ "สิงโตคำราม" อังกฤษ จัดการส่งราฮีม สเตอร์ลิง มิดฟิลด์ตัวจี๊ดหงส์แดงลงเป็น 11 คนแรกทันที เพื่อเป็นตัวป่วนแนวรับอิตาลี ร่วมกับแดนนี่ เวลเบ็ค, เวย์น รูนี่ย์ และ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ส่วนจอร์แดน เฮนเดอร์สัน กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด รับหน้าที่คุมแดนกลาง
 
 ด้าน เชซาเร่ ปรันเดลลี่ เทรนเนอร์ "อัซซูรี่" อิตาลี นัดนี้ไม่มี จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายด่านมือหนึ่ง ที่เจ็บทั้งข้อเท้าและหัวเข่า ต้องส่ง ซัลวาตอเร่ ซิริกู นายทวารมือสองลงเฝ้าเสาแทน ในแดนกลางยังนำทัพโดย อันเดรีย ปีร์โล่ ห้องเครื่องตัวเก๋า และให้มาริโอ บาโลเตลลี่ ยืนเป็นหน้าเป้า


 เริ่มเกมการแข่งขันอิตาลีเป็นฝ่ายเขี่ยลูกเล่นก่อน แต่เป็นทัพสิงโตคำรามที่มาได้ลุ้นอย่างรวดเร็ว ในนาทีที่ 4 เมื่อราฮีม สเตอร์ลิง ได้บอลกลางสนาม ก่อนจะลากมายิงด้วยขวาร่วม 30 หลา บอลพุ่งเข้าข้างตาข่าย แบบได้เสียวสุดๆ


 จากนั้นนาทีต่อมา อังกฤษ มาอีกครั้ง คราวนี้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้กดด้วยขวาบ้าง แต่ไปติดเซฟ ซัลวาตอเร่ ซิริกู ที่พุ่งปัดไว้ได้


 ผ่านไป 10 นาที ลูกทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน ดูวูบวาบกว่า และทัพอัซซูรี่ เกือบพลาดเอง เมื่อ กาเบรียล ปาเล็ตต้า เตะเคลียร์ไม่ขาด บอลเข้าทาง แดนนี่ เวลเบ็ค ได้ซัดบริเวณหัวกระโหลก แต่บอลไม่เข้ากรอบ


 ถึงนาทีที่ 18 อิตาลี มาได้ลุ้นครั้งแรก จากจังหวะยิงไกลกว่า 35 หลา ของอันโตนิโอ คันเดรว่า บอลตกพื้นทำให้โจ ฮาร์ท รับกระฉอก แต่ก็ตามตะครุบไว้ได้ทัน


 อัซซูรี่ มาต่อเนื่องบ้าง นาทีที่ 23 มาริโอ บาโลเตลลี่ ลองซัดไกลด้วยขวาแต็มแรง ประมาณ 30 หลา บอลพุ่งเร็วข้ามคานแบบได้ลุ้น


 นาทีต่อมานักเตะเมืองผู้ดีตอบโต้ทันควัน แดนนี่ เวลเบ็ค แตะบอลหลบกาเบรียล ปาเล็ตต้า ทางขวา ก่อนจะเปิดเลียดไปหน้าประตู และเป็นอันเดรีย บาร์ซาญี่ สกัดบอลผ่านปากประตูออกหลังได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนลูกจะไปถึงแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ยืนรออยู่เสาสอง


 จน ถึงนาทีที่ 35 เป็นพลพรรคอัซซูรี่ ที่ออกนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะเตะมุมสั้นของ อันโตนิโอ คันเดรว่า ให้มาร์โก แวร์รัตติ แตะต่อถึงอันเดรีย ปีร์โล่ ที่ข้ามหลอกให้ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ได้ตั้งป้อมซัดด้วยขวา ระยะ 25 หลา บอลพุ่งเลียดเสียบมุมเข้าไปอย่างสวยงาม


 แต่ กองเชียร์แดนมะกะโรนีก็ได้เฮไม่นาน จากนั้น 2 นาที อังกฤษ ก็ตามตีเสมอ 1-1 อย่างรวดเร็ว เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ ได้บอลทางซ้าย ก่อนจะเปิดอย่างแม่นยำมาเสาสองให้ แดเนียล สเตอร์ริดจ์ แปกระแทกจ่อๆ 6 หลาตุงตาข่ายไม่เหลือ




 นาทีสุดท้ายของครึ่งแรกอิตาลี น่าได้ประตูถึงสองจังหวะจาก มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ชิพข้ามตัวโจ ฮาร์ท จะเข้าอยู่แล้ว แต่เป็นฟิล จากีลก้า ที่โหม่งสกัดออกมาจากเส้นได้อย่างหวุดหวิด และอีกช็อต อันโตนิโอ คันเดรว่า ได้ยิงในกรอบเขตโทษที่เสาแรกบอลชนเสากระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกเสมอยังเสมอกันอยู่ 1-1


 


 เปิดฉากครึ่งหลังมา นาทีที่ 49 อังกฤษ ทักทายก่อนเลย จาก แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่พาบอลมาทางขวา ก่อนล็อกตัดมาใน แล้วซัดด้วยซ้าย ระยะ 25 หลา แต่ก็ไม่ผ่านมือ ซัลวาตอเร่ ซิริกู พุ่งปัดได้ที่เสาแรก

 


 
แต่ หลังจากนั้นนาทีเดียว อิตาลี ก็ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากการขึ้นเกมทางขวา อันโตนิโอ คันเดรว่า เปิดด้วยซ้ายอย่างแม่นย่ำไปเสาสองถึงหัว "ซุปเปอร์มาริโอ" มาริโอ บาโลเตลลี่ โขกเผาขนจ่อๆไม่เหลือ


 นาทีที่ 54 สิงโตคำราม ลุยขึ้นมาบ้าง เวย์น รูนี่ย์ กระชากเดี่ยวไปซัดหักข้อด้วยขวา หน้าเขตโทษ 25 หลา บอลผ่านเสาสองออกหลังไปแบบได้เสียว



 ผ่านไปนาทีที่ 57 ทัพอัซซูรี่ เปลี่ยนตัวคนแรก ถอด มาร์โก แวร์รัตติ ออก แล้วส่ง ติอาโก้ ม็อตต้า เพื่อนร่วมสโมสรเปแอสเชลงสนามมาแทน


 4 นาทีต่อมา อังกฤษ ได้ลุ้นอีกครั้ง เป็นแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลากมาเองก่อนจะหาจังหวะซัดหน้าเขตโทษด้วยซ้าย บอลไซด์ออกหลังไปนิดเดียว
 

 ก่อนที่รอย ฮ็อดจ์สัน จะแก้เกมคนแรกบ้าง โดยถอด แดนนี่ เวลเบ็ค ออกแล้วส่ง รอสส์ บาร์คลี่ย์ ลงสนามไปแทน
 

 นาทีที่ 62 พลพรรคสิงโตคำราม น่าได้ประตูตีเสมอแบบสุดๆ เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ ได้กดเลียดในเขตโทษที่เสาแรก บอลถากเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย 


  ถึง นาทีที่ 72 ทั้งสองทีมเปลี่ยนตัวคนที่สองพร้อมกัน โดยเชซาเร่ ปรันเดลลี่ ถอด มาริโอ บาโลเตลลี่ ออก แล้วส่งชิโร่ อิมโมบิเล่ ลงมาแทน ขณะที่ รอย ฮ็อดจ์สัน ส่ง แจ็ค วิลเชียร์ ลงสนามมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน



 อังกฤษ มาได้ลุ้นประตูตีเสมออีกครั้ง ในนาทีที่ 77 เมื่อมาได้ฟรีคิดระยะอันตราย 25 หลา เยื้องไปทางขาว และเป็นเลห์ตัน เบนส์ ปั่นด้วยซ้ายเล็งไปที่เสาแรก บอลจะฮุกเข้าอยู่แล้ว แต่เป็นซัลวาตอเร่ ซิริกู ที่พุ่งซุปเปอร์เซฟได้ทัน


  นาที ที่ 79 ทั้งสองทีมเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย โดยทางอิตาลี เอามาร์โก ปาโรโล่ ลงแทน อันโตนิโอ คันเดรว่า ขณะที่อังกฤษ ถอด แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ออก แล้วส่ง อดัม ลัลลาน่า ลงมาแทน


 สิงโตคำราม มาได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะฟรีคิก 25 หลา ในนาทีที่ 85 คราวนี้เยื้องมาทางซ้าย เข้าทางเท้าขวา สตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่กัปตันทีมลิเวอร์พูล ปั่นข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย


 ช่วงทดเวลาออกไป 5 นาที มีใบเหลืองแรกจนได้ และเป็นของทีมชาติอังกฤษ เมื่อราฮีม สเตอร์ลิง ไปตัดเกมใส่ มาร์โก ปาโรโล่


 และจากจังหวะฟาวล์ อัซซูรี่มาได้ฟรีคิก ระยะไกล 30 หลา และเกือบได้ลูกที่สาม อันเดรีย ปีร์โล่ ขาประจำ ซัดด้วยขวาบอลพุ่งไซด์ไปชนคานออกหลังไป จากนั้นไม่มีประตูเพิ่มเติมจบเกม อิตาลี เอาชนะ อังกฤษ 2-1 
 


 รายชื่อ11ผู้เล่นที่ลงสนาม

 อังกฤษ (4-2-3-1) :
โจ ฮาร์ท เกล็น จอห์นสัน, ฟิล จากีลก้า, แกรี่ เคฮิลล์, เลห์ตัน เบนส์ : สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตันทีม), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน : ราฮีม สเตอร์ลิง, แดนนี่ เวลเบ็ค, เวย์น รูนี่ย์ : แดเนียล สเตอร์ริดจ์

 อิตาลี (4-1-4-1) : ซัลวาตอเร่ ซิริกู : มัตเตโอ ดาร์เมียน, อันเดรีย บาร์ซาญี่, กาเบรียล ปาเล็ตต้า, จอร์โจ้ คิเอลลินี่ : ดานิเอเล่ เด รอสซี่ : อันโตนิโอ คันเดรว่า, มาร์โก แวร์รัตติ, อันเดรีย ปีร์โล่ (กัปตันทีม), เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ : มาริโอ บาโลเตลลี่

 ผู้ตัดสิน : บียอร์ เคาเปอร์ส (ฮอลแลนด์)





ข่าวฮอต
  ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก

ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก

แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
  • ตารางคะแนน
  • ดาวซัลโว
    • A
    • B
    • C
    • D
    • E
    • F
    • G
    • H
  • เรียงลำดับ นักฟุตบอล ทีม ประตูรวม(จุดโทษ)
เมือง&สนาม
ชิงอันดับฟุตบอลโลกที่ผ่านมา
  • ปี
  • ชนะเสิศ
  • รองชนะเสิศ
  • อันดับ 3