จากภาพช้าที่แฟนบอลและท่านผู้ชมได้เห็นก็ชัดเจนว่า เฟร็ด นักเตะตัวเก๋าของบราซิล โดนสัมผัสเพียงแผ่วเบาจาก เดยัน ลอฟเรน ในจังหวะที่ได้จุดโทษพวกเขา

 จากภาพช้าชี้ให้เห็นว่า จังหวะที่ อิวิก้า โอลิช โดนเป่าว่าทำฟาวล์ ชูลิโอ เซซาร์ เป็นการทำบอลหลุดมือของอดีตนายทวารคิวพีอาร์ และไม่ควรเป็นจังหวะฟาวล์

 จาก ภาพช้ายังชี้ให้เห็นอีกว่า ในตอนที่ ออสการ์ ได้บอลหลุดเข้าไปยิงประตูปิดท้าย รามิเรส สกัดบอลจาก อิวาน ราคิติช แบบสมควรแก่เป็นการฟาวล์ ทว่า ยูอิจิ นิชิมูระ กลับปล่อยให้ผู้เล่นเจ้าถิ่นเล่นต่อไปแบบสะดวกโยธิน

 เกมที่ 2 ในกับ เม็กซิโก จึงจะเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญว่ากองทัพเซเลเซาชุดนี้มีดีพอที่จะก้าวหยิบดาว ดวงที่ 5 มาประดับบนหน้าอกได้หรือไม่

 หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ยกให้เกมกับเม็กซิโกนี้เป็นบันไดขั้นที่ 2 จากทั้งหมด 7 ก้าวที่พวกเขาจะเดินทางสู่เวทีแชมป์ โดยบอกกับแฟนนานุแฟนชาวบราซิเลี่ยนพร้อมคำมั่นสัญญาว่าฟุตบอลโลกคราวนี้คือ เวลาของพวกเขาแล้ว

 สามคะแนนแรกจากนักเตะทีม "ตาหมากรุก" เพียงพอทำให้กองเชียร์ชาติเจ้าภาพยิ้มออกแน่นอน แต่บราซิลยังคงมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องรับการสะสางเพื่อให้ได้ทีมที่สมบูรณ์ แบบที่สุด

 เหตุผลแรกที่บราซิลจะคว่ำเม็กซิโกลงได้นั้น พวกเขาต้องรักษา ออสการ์ ไว้ในตำแหน่งตัวจริง เพราะนี่คือนักเตะที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเกมกับโครเอเชีย

 ขณะที่ นักเตะคนอื่นๆเล่นกันสะเปะสะปะ แล้วมาอาศัยดวงจากทั้งลูกตีเสมอและจุดโทษของเนย์มาร์ พ่อหนุ่มออสการ์คือคนที่ทำงานเยอะที่สุดในสนาม เห็นได้จากอัตราตัวเลขการเข้าปะทะทั้งหมด 4 ครั้งในเกมนี้ ซึ่งมีเพียง ดานี่ อัลเวส, ดาริโย เซอร์น่า และอิวิก้า โอลิช เท่านั้นที่ทำได้มากกว่า (5)

 นอกจากนี้ ออสการ์ ยังเป็นนักเตะที่ผ่านบอลมากที่สุดอันดับ 3 ของบราซิลในเกมดังกล่าว (36) เป็นรองเพียง เนย์มาร์ (42) และ หลุยซ์ กุสตาโว่ (56) แถมยังกระชากบอลหนีคู่แข่งสำเร็จมากที่สุดในสนาม หลังจากทำไปทั้งหมด 7 ครั้งด้วยกัน

 ประเด็นที่ 2 เป็นเรื่องของ ฮัลค์ ดาวยิงจอมพลังจากเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

 ใน เกมกับขุนพล "ตาหมากรุก" หัวหอกตัวเขียวผู้นี้ดูจะเงียบเชียบเป็นพิเศษ ไม่มีบทบาทใดๆเลยกับการลงเล่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้าย เป็นผลให้ เว็บไซต์ ฮูสกอร์ ที่รับบทวิเคราะห์ฟอร์มนักเตะชื่อดังให้คะแนนเจ้าหนุ่มนักกล้ามรายนี้ไว้ เพียง 6.22 คะแนน น้อยที่สุดในบรรดาขุนพลแซมบ้าที่ลงสนามวันนั้น

 แม้ ว่า ฮัลค์ (2) จะเป็นคนที่มีโอกาสยิงมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก เนย์มาร์ (4) ทว่า การง้างเท้าสับไกยิงของเขาไม่มีครั้งใดเลยที่เข้ากรอบประตู ซึ่งต่างจากการลงเล่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งขวาที่เจ้าตัวคุ้นเคยดีกับการเล่น กับเซนิต หลักฐานชัดเจนคือเรทติ้งที่ ฮัลค์ ทำได้ในตำแหน่งนี้สูงกว่าความสามารถในการลงเล่นอีกฝั่งด้วย (7.92)

 บิ๊ก ฟิล คงต้องทำอะไรสักอย่างกับฮัลค์แล้ว อาจเลือกโยกเขาไปเล่นทางฝั่งขวา หรือจะเลือกพักตัวรุกรายนี้แล้วส่ง แบร์นาร์ด หรือ วิลเลียน ลงมาประสานงานกับ ออสการ์ และเนย์มาร์แทน อย่างไรก็ตาม การส่ง ฮัลค์ ขยับไปเป็นกองหน้าตัวเป้าก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลวเลย

 สถิติยืน ยันว่าประสิทธิภาพในตำแหน่งหน้าเป้าของ ฮัลค์ ยอดเยี่ยม เมื่อ 5 จาก 17 ประตู รวมถึง 1 จาก 6 แอสซิสต์ ที่ทำได้ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมากับเซนิต เกิดขึ้นจากการออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า 7 ครั้ง ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นตัวแทนชั้นเยี่ยมของ เฟร็ด ที่มีโอกาสสัมผัสบอลเพียง 20 ครั้งเท่านั้น และเป็นจำนวนที่น้อยที่สุดในบรรดาตัวจริงในเกมกับโครเอเชีย

 อีกปัญหาสำคัญของบราซิลคือการสื่อสารกันของแนวรับ

 ทั้ง ติอาโก้ ซิลวา และ ดาวิด ลุยซ์ ควรจะนัดแนะและประสานงานในจังหวะการต่อต้านเกมรุกริมเส้นให้ได้มากกกว่านี้ เห็นได้ชัดในจังหวะที่ มาร์เซโล่ จัดการส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายประเดิมสนามบอลโลก นั่นคงจะเป็นอีกจุดอ่อนที่ขุนพลจังโก้จะใช้มาเล่นงานทีมแซมบ้าในเกมนี้แน่ นอน

 สำหรับ เกมกับ เม็กซิโก วันอังคารนี้ บิ๊กฟิล คงต้องปรับปรุงเรื่องการสื่อสารของแนวรับ พร้อมกระชับเกมรุกให้เด็ดขาดกว่าเดิม และไม่หวังจะให้โชคช่วยเหมือนเกมก่อน เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเองว่าพวกเขาเป็น "ของจริง"