ไม่น่าเชื่อว่า นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2014 ของสเปน มาเร็วกว่าที่คาดคิด

        การโดนฮอลแลนด์ ถล่มแบบยับเยินที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ 5-1 ในเกมเปิดหัวของกลุ่มบี นั่นหมายความว่าในเกมรอบแบ่งกลุ่มที่เหลือทั้ง 2 นัด ทีมชาติสเปน ต้องชนะเท่านั้น เพื่อรักษาโอกาสในการป้องกันแชมป์

        เริ่มกันที่การพบชิลี อันเป็นเหมือนนัดชิงชนะเลิศเท่านั้น

        ยังไม่มีอะไรบ่งบอกได้อย่างแน่ชัดถึงการปรับเปลี่ยนทีมจากนัดแรกของบิเซนเต้ เด บอสเก้ ทว่าด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ เกมที่มาราคาน่า มีแนวโน้มถึงการเปลี่ยนแปลงเพื่อเล่นเกมบุกมายิ่งขึ้น

        ในแดนกลาง 2 กองกลางตัวรับทั้งเซร์คิโอ บุสเก็ตส์ หรือชาบี อลอนโซ่ ต้องมีคนใดนั่ง

        มันเป็นสูตรเดียวกับที่เคยใช้ในเกมพบอุรุกวัย ในรอบแบ่งกลุ่มฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชันส์ คัพ เมื่อปีก่อน ซึ่งผลที่ออกมาถือว่าใช้ได้เลย จนน่าถูกนำมาปัดฝุ่นใช้งานอีกคำรบ

        การเดินทางมาบราซิล เมื่อปีก่อน ไม่มีชื่อของชาบี อลอนโ

        นั่นเป็นเพราะกองกลางจากโตโลซ่า มีอาการบาดเจ็บจนหลุดจากทีมชุด 23 คน จึงเป็นที่มาให้เดล บอสเก้ เลือกแผนการเล่นแบบ 4-1-4-1 ในครั้งนั้น และน่าเป็นแผนเดียวกันเกมที่ริโอ เด จาเนโร ค่ำคืนนี้

        สเปน ต้องการชัยชนะเพื่ออยู่รอด ทั้งยังต้องยิงประตูให้เยอะเอาไว้ก่อน หลังโดนสอยเละในนัดแรก ภาพของทีมในปีก่อนจึงย้อนกลับมา

        ในวันนั้น เกมที่อาเรน่า เด แปร์นัมบูกู ในเรซิเฟ่ ทีมลา โรฆา โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมนัดหนึ่งภายใต้การคุมทีมของเดล บอสเก้ มันเป็นฟอร์มการเล่นแบบเดียวกับที่พบอิตาลี ในนัดชิงชนะเลิศยูโร ที่เคียฟ

        เป็นเกมที่เดินเกมบุกแบบสนุกเท้า และไม่เปิดพื้นที่อุรุกวัย ได้กระดิกกระเดี้ยวแม้แต่น้อย

        ทีมกระทิงดุ ออกนำไปก่อน 2-0 ตั้งแต่ 32 นาทีแรกของเกมจากประตูของเปโดร โรดรีเกซ และโรเบร์โต้ โซลดาโด้ แม้จะโดนหลุยส์ ซัวเรซ ตีไข่แตกก่อนหมดเวลา 2 นาที ทว่าไม่มีความหมายอะไรแล้ว

        หากที่สุดแล้ว เทรนเนอร์หน้าหนวดเลือกใช้แผนเดียวกันนี้ คงมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากจากที่ชนะอุรุกวัย

        โดยตำแหน่งสำคัญคือแบ็กขวา และกองหน้า

        การไม่มีอัลบาโร่ อาร์เบลัว อยู่ในทีมแล้ว เป็นบทบาท และหน้าที่ของเซซ่าร์ อัซปิลิกวยต้า หรือฆวนฟราน ตอร์เรส ที่คุณภาพการเล่นไม่แตกต่างกันเลย อยู่ที่ต้องการประสิทธิภาพในแง่มุมไหน

        ถ้าต้องการบุกแบบเต็มตัว ควรเป็นแบ็กขวาจากแอตเลติโก มาดริด รับบทตัวจริง

        ในส่วนของกองหน้า การไม่มีโรเบร์โต้ โซลดาโด้ ที่เป็นหน้าเป้าในนัดนั้น อยู่ในทีม ก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ในเมื่อเดล บอสเก้ มีทางออกแล้วเช่นกัน กับการใช้งานดีเอโก้ คอสต้า ที่ผลงานในนัดแรกไม่ขี้เหร่อะไร

        จุดสำคัญอยู่ตรงแดนกลาง ระหว่างอลอนโซ่ หรือบุสเก็ตส์

        ดูแล้ว บุสเก็ตส์ ภาษีดีกว่า หากเทียบจากฟอร์มในนัดแรก และสภาพความสดของร่างกาย

        แผงตัวรุก 4 คนเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย ครั้งนั้นเลือกใช้ 4 นักเตะจากบาร์เซโลน่า ทั้งชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อีเนียสต้า, เชส ฟาเบรกาส และเปโดร โรดรีเกซ ลงทำเกมร่วมกัน

        กระนั้นตัวแปรอย่างดาบิด บีย่า มีลุ้นในการลงตัวจริงนัดนี้แทนที่ฟาเบรกาส

        ในการเตรียมทีมนัดสุดท้ายก่อนฟุตบอลโลกครั้งนี้ เอล กวาเฆ่ แสดงให้เห็นว่ายังคงมีพิษสงเสมอหน้าปากประตู เมื่อเขาเป็นคนเหมายิงทั้ง 2 ประตูที่เอาชนะเอล ซัลวาดอร์ 2-0

        กับการที่ไม่ได้ลงสนามในเกมกับฮอลแลนด์ นั่นทำให้กองหน้ารายนี้อยู่ในสถาพที่ฟิตเต็มถัง

        จนมีลุ้นในการลงทำเกมบุกประสานงานกับ และเพิ่มสถิติการยิงประตูสูงสุดตลอดกาลในนามทีมชาติ หลังจากก่อนหน้านี้ ซัดไปแล้ว 58 ลูกด้วยกัน

        นอกจากนั้นแล้วการส่งบีย่า ลงสนามเป็นตัวจริง สร้างความยืดหยุ่นไปในตัว เพราะหากต้องเร่งเครื่องทำประตู ระบบสามารถปรับมาเล่นเป็น 4-1-3-2 เพื่อให้ตัวเลือกในกรอบเขตโทษมีมากยิ่งขึ้น

        กับขุมกำลังที่มีอยู่ในมือ ตัวสอดแทรกทั้งเชส ฟาเบรกาส, ดาบิด ซิลบา, ซานติ กาซอร์ล่า, ฆวน มานูเอล มาต้า และโกเก้ ก็พร้อมลงช่วยทีมในยามคับขัน

        ดังนั้นนี่จะเป็นเกมที่ได้เห็นสเปน งัดทุกอย่างที่มีออกมาใช้งานเพื่อสร้างประสิทธิภาพมากที่สุด และเป็นเกมที่ทีมกระทิงดุเปิดเกมบุกแบบไม่มีเม้มแน่