7MTH.COM
อยู่ที่: หน้าแรก >

จับตาอาถรรพ์ทำอิตาลีเหยียบกล้วยลื่น!

20/06/2014 ขอบคุณ siamsport

โอกาสเข้ารอบน็อคเอาท์ของ อิตาลี นับว่าสูงลิ่วพอตัวเลย หลังจากใช้ประสบการณ์เอาชนะ อังกฤษ ไปได้ 2-1 ขณะที่อีกหนึ่งเต็งแชมป์กลุ่มอย่าง อุรุกวัย ดันปราชัยแบบพลิกล็อกต่อ คอสตาริกา 1-3

 อย่างไรก็ดี เกมต่อไปของพลพรรคมะกะโรนีถือว่าไม่ง่าย เนื่องจากได้เห็นตัวอย่างมาแล้ว "จอมโหด" ในฐานะแชมป์โกปา อเมริกา 2011 ที่ชื่อชั้นเหนือกว่าพอสมควร แม้ไม่มี หลุยส์ ซัวเรซ นำทัพ แต่กลับโดน คอสตาริกา เล่นงานจนอ่วม
 
 คอสตาริกา ชุดนี้ ทำผลงานเยี่ยมเหนือความคาดหมายด้วยแนวรับที่เล่นกันอย่างมีระเบียบวินัยและ แข็งแกร่ง นำโดย เคย์ลอร์ นาวาส มือกาวฟอร์มเด่นจาก เลบันเต้ ส่วนแผงหลัง แม้จะไร้ตัวบิ๊กเนม แต่กลับประสานงานกันได้ลงตัว โดยปล่อยให้ อุรุกวัย หาช่องยิงได้แค่ 9 ครั้ง นับเป็นสถิติต่ำสุดอันดับ 5 หลังจบนัดแรก
 
 พร้อม กันนี้ แนวรุกของ "กล้วยหอม" ถือว่าไม่ธรรมดา ถึงจะไม่มี อัลวาโร่ ซาบอริโอ กองหน้าตัวเก๋าเจ้าของสถิติยิงประตูมากที่สุดของ คอสตาริกา ยุคนี้ แต่ โจเอล แคมป์เบลล์ สวมบทหอกเดี่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยตัวรุกฝีเท้าดีอย่าง ไบรอัน รุยซ์ และ คริสเตียน โบลันญอส
 
 ขณะ เดียวกัน อีกปัจจัยที่อาจเป็นอุปสรรคสำคัญของ "อัซซูรี่" คือเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนเกินทนไหวของ เรซีเฟ่ นั่นเอง พวกเขาต้องดวลกับ คอสตาริกา ที่สนาม อาเรน่า แปร์นัมบูกู ในเวลาบ่ายโมงตรง (เวลาท้องถิ่น)!
 
 ขนาด เกมกับ อังกฤษ ที่ลงเล่นในช่วงเย็น 18.00 น. (เวลาท้องถิ่น) แข้งอิตาเลี่ยนยังออกมาบ่นกันเพียบว่าร้อนจนแทบทนไม่ไหว เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ยอมรับว่าอ่อนล้าหมดแรงจนถึงขั้นเห็นภาพหลอนเลยทีเดียว ส่วนพลพรรค "สิงโตคำราม" อ่อนแรงถึงขั้นเป็นตะคริวกันหลายคนเลย
 
 ทั้ง นี้ เกมนั้นไม่ได้รับอนุญาตจาก ฟีฟ่า ให้มีการพักเบรกคลายร้อนด้วย ทำให้ เอ็นริโก้ คาสเตลลัชชี่ นายแพทย์ประจำทีมชาติอิตาลี ออกมาเรียกร้องให้มีการพักดื่มน้ำเถอะ โดยชี้ว่า ฟีฟ่า ควรพิจารณาที่ความชื้นสัมพัทธ์ที่สนามด้วย ไม่ใช่ดูแค่อุณหภูมิเท่านั้น (กฏระบุว่าจะมีการพักเบรกแบบอัตโนมัติถ้าอุณหภูมิเกิน 32 องศาเซลเซียส แต่ความชื้นสัมพัทธ์ที่สูงสามารถทำให้นักเตะร้อนขึ้นกว่าเดิมได้)
 
 นอก จากนี้ สิ่งที่ อิตาลี จะประมาทไม่ได้เลยคือตัวพวกเขาเอง ไมได้พูดผิดแต่อย่างใด แต่คือตัวพวกเขาเองจริงๆ เนื่องจากขุนพลจากแดนรองเท้าบู๊ตมักมีปัญหาในการลงเล่นเกมถัดจากนัดเปิดสนาม ของตัวเองในรายการใหญ่ๆ
 
 "อัซซูรี่" คว้าชัยในเกมที่ 2 ของตัวเองแค่ 2 จาก 9 นัดล่าสุดในรายการใหญ่อย่าง ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป, ฟุตบอลโลก และ คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ดังนั้น หากจะบอกว่ามันเป็นอาถรรพ์ของพวกเขาก็คงไม่ผิดมากนัก
 
 สำหรับความ เคลื่อนไหวล่าสุดของ "อัซซูรี่" สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (เอฟไอจีซี) เผยข่าวดีเมื่อ จานลุยจิ บุฟฟ่อน, มัตเตีย เด ชีโย่ ที่บาดเจ็บจนไม่ได้ลงเล่นในเกมกับ อังกฤษ กลับมาซ้อมเรียบร้อยแล้ว ส่วน อันเดรีย บาร์ซายี่ เหมือนจะบาดเจ็บจนอาจไม่ได้เล่นในนัดสอง
 
 สำหรับ เรื่องการจัดทัพ เซซาเร่ ปรันเดลลี่ จะยึดระบบ 4-1-4-1 ต่อไป ตำแหน่งผู้รักษาประตูต้องตัดสินใจเลือกระหว่าง ซัลวาตอเร่ ซิริกู ที่โชว์ซูเปอร์เซฟจนเป็นหนึ่งในนายด่านที่ดีที่สุดหลังจบนัดแรกเลย กับ บุฟฟ่อน ที่มีแนวโน้มว่าอาจได้พักต่อไปเพื่อให้ฟิตเต็มถังพร้อมลุยกับ อุรุกวัย
 
 แผงหลังน่าจะไร้เงา บาร์ซายี่ แถม กาเบรียล ปาเล็ตต้า ที่ทำตัวเป็นบ่อน้ำมันให้ อังกฤษ เจาะอย่างสนุกสนาน น่าจะโดนถอดออก โดยขยับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ จากแบ็กซ้ายเข้ามาจับคู่กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ดูโอแนวรับจาก ยูเวนตุส
 
 ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ปักหลักตัดเกมรุกคู่แข่งเหมือนเดิม ส่วน 4 มิดฟิลด์ยังยึดชุดเดิมเป็นหลักทั้ง อันโตนิโอ คันเดรว่า, อันเดรีย ปีร์โล่ และ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ส่วน มาร์โก แวร์รัตติ น่าจะโดนดร็อป แล้วให้ ติอาโก้ ม็อตต้า ลงประจำการ โดยแดนหน้าเป็นความรับผิดชอบของ มาริโอ บาโลเตลลี่ เหมือนเดิม
 
 ก่อนเกม เด รอสซี่ แสดงความมั่นใจว่าพวกเขากำลังจะยกระดับไปใกล้กับ สเปน ยุคครองความยิ่งใหญ่ในทั้งในยุโรปและระดับโลก ด้วยการที่มีแข้งเก๋าคอยประคองเหล่าดาวรุ่งฝีเท้าดี พร้อมกล่าวว่าอยากอำลารุ่นพี่อย่าง ปีร์โล่ ที่ยอมรับว่าคงเล่นบอลโลกเป็นหนสุดท้าย ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์โลกด้วยกัน
 
 แต่ จะเป็นได้ตามที่วาดฝันหรือไม่ เกมกับ คอสตาริกา จะเป็นการตัดสินชะตาว่าจะได้การันตีตั๋วสู่รอบน็อคเอาท์เลยหรือไม่ ต้องรอดูกันว่า "อัซซูรี่" จะเจอเกมกล้วยๆในการดวลกับแข้งกล้วยหอมหรือไม่

 อาถรรพ์เกม 2 ของ อิตาลี

 ยูโร 2000 : อิตาลี ชนะ เบลเยียม 2-0

 "อัซ ซูรี่" ของ ดิโน่ ซอฟฟ์ เชือด ตึรกี 2-1 ในนัดแรก ก่อนสานต่อฟอร์มอันยอดเยี่ยมด้วยการทุบ เบลเยียม 2-0 และตามสอย สวีเดน 2-1 พร้อมเดินทางไปถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนอกหักไปอย่างน่าเสียดาย

 ฟุตบอลโลก 2002 : อิตาลี แพ้ โครเอเชีย 1-2
 นับ เป็นหนึ่งในความปราชัยที่น่ากังขาของ อิตาลี พวกเขาส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายไปแล้วแต่ก็ไม่ได้ประตู ก่อน คริสเตียน วิเอรี่ ทำประตูขึ้นนำให้ "อัซซูรี่" จนได้ ทว่ามาโดน โครเอเชีย ฮึดยิงรวดเดียว 2 เม็ด อิตาลี มาส่งบอลตุงตาข่ายได้อีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ประตูเหมือนเดิม เนื่องจาก ฟิลิปโป้ อินซากี้ โดนจับฟาวล์ทั้งที่ตัวเองเป็นคนถูกดึง

 ยูโร 2004 : อิตาลี เสมอ สวีเดน 1-1
 อันโต นิโอ คาสซาโน่ แจ้งเกิดในระดับนานาชาติด้วยการยิงประตูเบิกร่องให้ อิตาลี ทว่าโดนลงโทษจากการที่ไม่สามารถใส่สกอร์เพิ่มด้วยการโดน ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ค้าแข้งกับ ยูเวนตุส ในเวลานั้น ทำประตูตีเสมอได้สำเร็จ

 ฟุตบอลโลก 2006 : อิตาลี เสมอ สหรัฐฯ 1-1
 หลัง จาก อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ โหม่งให้ อิตาลี ออกนำก่อน 1-0 พวกเขากลับเจอความซวยถาโถมเข้าใส่ เริ่มจาก คริสเตียน ซัคคาร์โด้ ทำเข้าประตูตัวเอง ก่อนที่ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ มาโดนไล่ออกจากการไปชักศอกใส่ ไบรอัน แม็คไบรด์ แม้ว่า "พญาอินทรี" จะเหลือผู้เล่น 9 คนในเวลาต่อมา แต่ก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้อยู่ดี

 ยูโร 2008 : อิตาลี เสมอ โรมาเนีย 1-1
 หลัง จากปราชัยต่อ ฮอลแลนด์ ความกดดันอันหนักอึ้งตกลงมาบนบ่าของขุนพล "อัซซูรี่" ในการเก็บชัยให้ได้ พวกเขาโดนนำก่อนจาก อาเดรียน มูตู แต่ คริสเตียน ปานุชชี่ ตามตีเสมอจนได้ ทว่า อิตาลี เกือบเอาตัวไม่รอดเมื่อ โรมาเนีย มาได้จุดโทษ ยังดีที่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน เซฟไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

 คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2009 : อิตาลี แพ้ อียิปต์ 0-1
 เข้า ร่วมการแข่งขันในฐานะแชมป์โลกเมื่อปี 2006 แต่กลับทำผลงานน่าผิดหวังด้วยการปราชัยต่อ อียิปต์ ซึ่งเหมือนเป็นคำเตือนให้ มาร์เชลโล่ ลิปปี้ เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับความผิดหวังครั้งใหญ่

 ฟุตบอลโลก 2010 : อิตาลี เสมอ นิวซีแลนด์ 1-1
 นิวซีแลนด์ ได้ประตูขึ้นนำจาก เชน สเมลต์ซ แม้เป็นจังหวะล้ำหน้าก็ตาม ถึง วินเซนโซ่ ยาควินต้า มายิงจุดโทษตีเสมอ 1-1 แต่ก็เป็นผลการแข่งขันที่ทำให้ ลิปปี้ พบช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในการกลับมาคุมทัพ "อัซซูรี่" สมัย 2 จากนั้น อิตาลี ไปแพ้ สโลวาเกีย พร้อมตกรอบแรกในฐานะบ๊วยประจำกลุ่ม

 ยูโร 2012 : อิตาลี เสมอ โครเอเชีย 1-1
 หลัง โชว์ฟอร์มเยี่ยมในเกมเสมอ สเปน 1-1 อิตาลี กลับไม่สามารถรักษาฟอร์มต่อเนื่องไว้ได้ พวกเขาขึ้นนก่อนจากฟรีคิกงามหยดของ อันเดรีย ปีร์โล่ แต่ก็มาโดนยิงในท้ายที่สุดจาก มาริโอ มานด์ซูคิช

 คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2013 : อิตาลี ชนะ ญี่ปุ่น 4-3
 13 ปี นับจากชัยชนะหนล่าสุดในเกมที่ 2 ของพวกเขาในรายการระดับเมเจอร์ อิตาลี รวมพลังกันเอาชนะ ญี่ปุ่น แบบระทึกใจสุดๆ หลังโดนนำไปก่อน 2-0 แต่ก็แซงนำเป็น 3-2 ก่อนโดนตีเสมอบ้าง ทว่า เซบาสเตียน โจวินโก้ มากดประตูชัยให้ "อัซซูรี่" ในช่วงท้ายเกม
ข่าวฮอต
  ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก

ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก

แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
  • ตารางคะแนน
  • ดาวซัลโว
    • A
    • B
    • C
    • D
    • E
    • F
    • G
    • H
  • เรียงลำดับ นักฟุตบอล ทีม ประตูรวม(จุดโทษ)
เมือง&สนาม
ชิงอันดับฟุตบอลโลกที่ผ่านมา
  • ปี
  • ชนะเสิศ
  • รองชนะเสิศ
  • อันดับ 3