ทัพ "อัซซูรี่" อิตาลี ที่ต้องการแค่ผลเสมอก็จะผ่านเข้ารอบ วาง อันเดรีย ปิร์โล่ จอมทัพปั้นเกม ส่วนแนวรุกใช้ มาริโอ บาโลเตลลี่ ยืนคู่ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ขณะที่ ทีม "จอมโหด" อุรุกวัย ที่ต้องการชัยชนะสถานเดียว ส่งแนวรุกตัวเก่งอย่าง เอดินสัน คาวานี่, หลุยส์ ซัวเรซ ลงทะลวงตาข่าย เช่นเดิม

 เริ่มเกมในช่วง 10 นาทีแรก ทั้งสองทีมแลกหมัดกันทันที เพราะมีตั๋วอีกใบเดียวในการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย โดย อิตาลี เน้นแท็กติก ตัดเกมหนักใส่ ส่วน อุรุกวัย ใช้ความเร็ว และความสามารถเฉพาะตัว หวังทะลวงตาข่าย แต่จังหวะเข้าทำยังไม่จะแจ้งด้วยการทั้งคู่

 สองนาทีให้หลังเป็น "อัซซูรี่" ที่มีโอกาสลุ้นก่อน จากลูกฟรีคิก อันเดรีย ปีร์โล่ หวดเต็มหลังเท้า ระยะ เกือบ 30 หลา บอลพุ่งฮุก จะเสียบใต้คาน แต่ เฟร์นานโด มุสเลร่า นายประตู "จอมโหด" ก็ยังไม่พลาด ทุบทิ้งออกหลังไปได้

 เล่นได้ 20 นาที ตัวแทนจากทวีปอเมริกาใต้ ได้ลุ้นบ้าง เมื่อ อัลวาโร่ เปเรยร่า ได้รับบอลจากเพื่อนร่วมทีม ก่อนเลื้อยมาทางริมเส้นด้านซ้าย แล้วตวัดให้ เอดินสัน คาวานี่ ในเขตโทษ แต่ แนวรับ แดนมะกะโรนี ยังเก๋า กระแทกด้านหลัง เจ้าตัว ให้บอลทะลักออกหลัง

 ถัดมาอีก 3 นาที มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้า อิตาลี โดนผู้ตัดสิน มาร์โก โรดริเกซ ควักใบเหลืองเป็นของสมนาคุณคนแรกของเกม จากจังหวะ แข้ง "อัซซูรี่" สาดบอลยาวมายังแดน อุรุกวัย แล้วบอลกระเด้งสูง แล้ว เจ้าตัว กระโดดเข่าลอยใส่ อัลวาโร่ เปเรยร่า จากด้านหลัง จนล้มหัวคะมำ ทำให้นัดหน้าถ้า ตัวแทนยุโรป ผ่านเข้ารอบ บาโล จะไม่ได้ลงเล่น เนื่องจากสะสมใบเหลืองครบสองใบ

 อิตาลี ที่ปกติ จะเล่นช้า เน้นแท็กติก แต่เกมนี้มาผิดคาดเล่นเร็ว เข้าทำ ก่อนมีลุ่นอีก ในนาทีที่ 29 จากบอลริมเส้นทางด้านซ้าย มัตเตีย เด ชีโย่ ตบเข้ากลางให้ ชิโร่ อิมโมบิเล่ ในเขตโทษ แต่เจ้าตัวซัดด้วยซ้าย โดนไม่ดี บอลเหินออกหลังไปไกล

 ต่อมาอีก 4 นาที "จอมโหด" ได้เสียว เมื่อ แข้ง อุรุกวัย แทงบอลทะลุช่องให้ หลุยส์ ซัวเรซ หลุดเข้าไปในเขตโทษ เกือบเกือบสุดเส้นหลัง เจ้าตัวจึงกะหักกลับมาด้วยขวาให้เพื่อน แต่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน นายทวารประสบการณ์สูง อ่านเกมขาดออกมาบล็อกไว้ได้ แม้บอลจะมาเข้าทาง นิโกลัส โลเดยโร่ แล้วหวดเร็วด้วยซ้ายทันที บุฟฟ่อน ก็ยังล้มเซฟไว้ได้อีก

 ท้ายครึ่งแรกเป็น "อัซซูรี่" ที่รูปเกมดีกว่านิดๆ แต่ "จอมโหด" ก็พยายามสวนกลับเป็นระยะๆ แต่ก็ยังไม่มีสกอร์ จบ 45 นาที เสมอกันอยู่ 0-0

กลับมาเล่นครึ่งหลัง เทนรนเนอร์ทั้งสองทีม แก้เกมทันที อิตาลี ถอด มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่โดนใบเหลืองออก แล้วส่ง มาร์โก ปาโรโล่ จากสโมสร ปาร์ม่า ลงมาล่าตาข่าย ส่วน อุรุกวัย เปลี่ยน นิโกลัส โลเดยโร่ แล้วส่ง มักซี่ เปเรยร่า จาก เบนฟิก้า ลงมาเล่นแทน

เล่นครึ่งหลังนาทีเดียว เอคิดิโอ อาเรวาโล่ ริออส ผู้เล่น อุรุกวัย โดนจดรายชื่อจาก ผู้ตัดสิน มาร์โก โรดริเกซ อีกหนึ่งราย เมื่อเจ้าตัวจงใจเล่นถ่วงเวลา

นาทีที่ 59 เกิดเหตุการณ์สำคัญ เมื่อ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ แข้ง "อัซซูรี่" จังหวะแย่งบอลกลางสนาม จงใจใช้เท้ายัน เอกิดิโอ อาเรวาโล่ ริออส บริเวณหน้าแข้ง อย่างจงใจ มาร์โก โรดริเกซ ไม่รอช้า วิ่งมาชักใบแดง ตะเพิดออกจากสนามทันที

คล้อยหลัง 3 นาที ตัวแทนจาก อเมริกาใต้ เปลี่ยนตัวคนที่สอง ถอด อัลวาโร่ เปเรยร่า ออก แล้วเอา คริสเตียน สตูอานี่ จาก เอสปันญ่อล ลงมาเบิกสกอร์ขึ้นนำ

อิตาลี ที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่า เปลี่ยนตัวอีก ส่ง อันโตนิโอ คาสซาโน่ ลงมาเก็บบอล แทน  ชิโร่ อิมโมบิเล่ ที่โชว์ฟอร์มไม่ออก

ขยับมาอีก 5 นาที "อัซซูรี่" เปลี่ยนคนสุดท้าย เอา ติอาโก้ ม็อตต้า ลงมาเล่นแทน มาร์โก แวร์รัตติ ที่เกิดตะคริว จนเล่นต่อไม่ไหว

มัตเตีย เด ชีโย่ แนวรับ อิตาลี โดน ผู้ตัดสินจากเม็กซิโก จดชื่ออีกคน เมื่อ ไปดึง มักซี่ เปเรยร่า จังหวะแตะบอลหลบ แล้วกำลังจะทะลุเข้าเขตโทษ ในนาทีที่ 77

จากนั้นหนึ่งนาที ตัวแทนอเมริกาใต้ ทิ้งไพ่ใบสุดท้าย เอา คริสเตียน โรดริเกซ ออก แล้วส่ง กาสตอน รามิเรซ จาก เซาธ์แฮมป์ตัน ลงมายิงประตูเข้ารอบ

นาทีที่ 82 อุรุกวัย ที่ได้เปรียบตัวผู้เล่น ก็ขึ้นนำ 1-0 จนได้ เมื่อ ดีเอโก้ โกดิน ขึ้นมาโขก ในจังหวะลูกเตะมุม แม้จานลุยจิ บุฟฟ่อน พยายามบินปัด แต่ก็ไม่ทัน บอลซุกก้นตาข่าย

ช่วงทดเวลา เฟร์นานโด มุสเลร่า โดน เชิ้ตดำชาวเม็กซิโก แจกใบเหลืองเป็นของชำร่วยอีกคน เมื่อจงใจเล่นช้า