เมสซีระเบิดฟอร์ม, ชากิรีแฮตทริค, บอสเนียดับอิหร่าน เกิดอะไรขึ้นบ้างในเวิลด์คัพเมื่อคืนที่ผ่านมา ใครเด่น ใครดับ ติดตามกันที่นี่

เด่นประจำวัน - ลิโอเนล เมสซี

ดาวยิงหมายเลขหนึ่งของทีมฟ้าขาวระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดอีกนัดในเกมกับไนจิเรีย ซึ่งลบข้อครหาเรื่องฟอร์มในทีมชาติของเขาได้จนหมดสิ้น นอกจากทำคนเดียวสองประตูแล้ว ทั้งความสามารถเฉพาะตัวและทักษะการจ่ายบอลของเขาสร้างปัญหาให้กับแนวรับอินทรีมรกตตลอดเวลา ซึ่งถ้า เมสซี ยังโชว์ฟอร์มได้แบบนี้ อาร์เจนตินา ก็มีสิทธิมองไกลถึงตำแหน่งแชมป์โลก

เซอร์ดาน ชากิรี

แนวรุกสำคัญของทีมจากแดนนาฬิกา ที่มาระเบิดแฮตทริคในรอบหลายปีของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งยังเป็นประตูแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ของเจ้าตัว อาจจะต้องขอบคุณเพื่อนร่วมทีมอย่าง เดอร์มิค และ อินแลร์ ที่สร้างสรรค์จังหวะดีๆให้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดสัญชาตญาณกองหน้าของเจ้าตัวก็ช่วยจบสกอร์ให้ทีมเก็บชัยได้แบบขาดลอย ทั้งยังมีหลายจังหวะที่เจ้าตัวสามารถกดดันคู่แข่งพาสวิตเซอร์แลนด์ควงคู่ฝรั่งเศสเข้าสู่รอบ 16 ทีมได้อย่างสวยงาม

อเล็กซานเดอร์ โดมิงเกซ

ในเกมที่เอกวาดอร์ต้องการประตูอย่างมาก ส่งผลให้พวกเขามีหลังบ้านที่หละหลวม และงานหนักในการเจอกับเกมบุกของฝรั่งเศสจึงตกอยู่กับนายทวารผู้เฝ้าเสา ทว่าโดมิงเกซโชว์ฟอร์มผีเข้าซูเปอร์เซฟได้ตลอด 90 นาที ปฏิเสธการทำประตูของแนวรุกตราไก่ทุกรายได้กว่า 10 ครั้ง

แม้ท้ายที่สุดพวกเขาจะตกรอบ แต่การยันเสมอกับยักษ์ใหญ่จากยุโรปได้ในเกมนี้ก็ยังถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่ส่วนหนึ่งมาจากฟอร์มสุดยอดของโดมิงเกซจริงๆ

มิราเลม ปยานิช

มิดฟิลด์จากโรมาถือเป็นหัวใจสำคัญของแดนกลางบอสเนียฯในเกมนี้อย่างแท้จริง หลังคอยบัญชาเกมกลางสนามได้อย่างไรที่ติ แถมยังมีส่วนร่วมกับเกมตลอดทั้งเกมรุกและรับ ชั้นเชิงของเขาทำเอาผู้เล่นอิหร่านเข้าไม่ติดเลย ยิ่งกว่านั้นยังสามารถสอดขึ้นมาพังประตูได้อีก ดังนั้นตำแหน่งดาวเด่นในเกมนี้จึงเหมาะสมกับเขาด้วยประการทั้งปวง

ดับประจำวัน - กอนซาโล อิกวาอิน

ขณะที่ลิโอเนล เมสซี ฉายแสงอย่างเจิดจ้า กองหน้าจากนาโปลีรายนี้กลับสุดแสนจะหม่นหมองจากฟอร์มการเล่นที่แทบจะเงียบหายไปจากเกมพบไนจีเรีย ทั้งที่นี่คือวันที่อาร์เจนตินาโชว์ศักยภาพในเกมรุกมากที่สุดเท่าที่เปิดทัวร์นาเมนต์มา "เอล ปิปิต้า" เงียบหายไปจากเกมและแทบไม่มีส่วนร่วมใดๆ ในแนวรุกของฟ้าขาว ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงท้ายเกมในที่สุด

อันโตนิโอ วาเลนเซีย

โปรไฟล์ที่ดีที่สุดในทีม ไม่ได้ช่วยให้กัปตันอันโตนิโอทำผลงานโดดเด่นเหนือเพื่อนร่วมทีมแม้สักนิด ตรงกันข้าม ปีกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือหนึ่งในผู้เล่นที่มีปลอกแขนกัปตันคาดอยู่ แล้วทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้ ใบแดงต้นครึ่งหลังในเกมสุดท้ายของเขาและเอกวาดอร์ คือบทสรุปที่เจ็บปวด

เกมรุกฮอนดูรัส

เป็นเกมสุดท้ายที่ฮอนดูรัสแสดงให้เห็นว่าพวกเขาพยายามมากแค่ไหน แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะทำอันตรายอะไรทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ได้เลย การครองบอลที่มากกว่า จังหวะเข้าทำที่มีโอกาสมากกว่า แต่กลับขาดความคมในแดนหน้า ทำให้สวิตเซอร์แลนด์แทบจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ซ้ำร้าย คาร์โล คอสลีย์ คีย์แมนคนสำคัญก็มาเจ็บจนเล่นต่อไม่ได้ ทำให้เกมรุกลดประสิทธิภาพลงไปอีกหลายขุม ความพยายามตีไข่แตกของพวกเขา สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ แถมทรงบอลยังดูออกแนวสะเปะสะปะในช่วงท้ายเกมเอามากๆ

กองหลังอาร์เจนตินา

ในขณะที่แนวรุกของฟ้าขาวทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและเด็ดขาด กองหลังของพวกเขากลับเผยจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้รอบต่อไปเห็นอย่างชัดเจน นอกจากความผิดพลาดแบบเห็นชัดๆ ในประตูที่สองของไนจีเรีย พวกเขายังเปิดพื้นที่ให้อาเหม็ด มูซา กองหน้าไนจีเรียมากเกินไป ทั้งในจังหวะที่เสียประตูแรกและจังหวะที่เกือบจะเสียประตูที่สาม แต่โชคดีที่ซาบาเลต้ารู้จักที่จะเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเขามากพอ