"ซัวเรซ"ไม่ได้เดินเดียวดาย มีอีกหลายเรื่องฉาวสะท้านบอลโลก
27/06/2014 ขอบคุณ siamsportณ จุดนี้ เวิลด์ คัพ 2014 ที่บราซิล เดินผ่านครึ่งทางเรียบร้อย ในรอบแรกแต่ละเกมล้วนเกิดเหตุการณ์มากมาย ทว่าคงไม่มีเหตุการณ์ไหนที่จะถูกพูดถึงมากเท่ากับวีรเวรสุดแสบที่ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ใช้ฟันเฉาะหัวไหล่ของ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี ในเกมสุดท้ายของกลุ่มดี ซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวโดนแบนแต๊ดแต๋ แถมห้ามยุ่งเกี่ยวเกมลูกหนังถึงสี่เดือน
เพื่อไม่ให้ ซัวเรซ ต้องเดินเดียวดาย เราขอพาแฟนๆ นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปดูเรื่องฉาวๆ อีกเพียบที่เคยเกิดขึ้นบนเวทีฟุตบอลโลก
"แบตเทิ่ล ออฟ เบิร์น"
เหตุการณ์ นี้ย้อนกลับไปยังฟุตบอลโลก 1954 ที่สวิตเซอร์แลนด์ ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศระหว่างบราซิล กับ ฮังการี โดยผลการแข่งขันฮังการ เอาชนะไป 4-2 ทว่าตลอดเกมนัดนี้ทั้งสองทีมปะทะกันดุเดือดเลือดพล่านเสมือนโกรธกันมาแต่ ชาติปางก่อน โดยมีทีม "แซมบ้า" เป็นผู้จุดชนวน จนเกมนี้ได้รับการขนานนามว่า "แบตเทิ่ล ออฟ เบิร์น"
นัดนี้ได้รับการบันทึกลงในประวัติศาสตร์ ฟุตบอลโลก ว่าเป็นเกมที่เล่นกันได้สกปรกที่สุด เพราะนอกจากมีผู้เล่นโดนไล่ออกถึง 3 คนแล้ว ระหว่างการแข่งขันยังมีการหยุดเกมบ่อยครั้งอันเนื่องมาจากที่ทั้งสองฝ่ายมี เรื่องกระทบกระทั่งกัน แถมบรรดาสต๊าฟฟ์โค้ชของบราซิล รวมถึงผู้สื่อข่าวเข้ามาแจมเหตุการณ์อีกด้วย
******************************************************************
"โหดสัส"
ย้อนกลับไปยังฟุตบอลโลก 1982 เรื่องสุดอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในเกมรอบรองชนะเลิศ ระหว่างฝรั่งเศส กับเยอรมัน ตะวันตก
จังหวะ ปัญหาเกิดขึ้นในนาทีที่ 58 ขณะที่สกอร์ยังเสมอกันอยู่ 1-1 แพทริก บัตติสต็อง ตัวสำรองของทีม "ตราไก่" ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงสนามมาในนาทีที่ 50 ได้จังหวะหลุดเข้าไปลุ้นยิงประตู
ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็ เกิดขึ้นเมื่อ "โทนี่" ชูมัคเกอร์ นายทวารอินทรีเหล็กได้ลอยตัวเข้ามาชาร์จเต็มศรีษะของ บัตติสต็อง จนสลบกลางอากาศพร้อมหล่นกระแทกพื้นนับสามสิบก็ไม่ลุก และเกมก็ต้องชะงักไปนานหลายนาที ก่อนต้องหามดาวเตะเมืองน้ำหอมผู้โชคร้ายออกจากสนาม โดยมี มิเชล พลาตินี่ เพื่อนซี้เดินดูอาการอย่างใกล้ชิด
สำหรับบัตติสต็อง การโดนเข้ามาชาร์จครั้งนี้ ทำให้เข้าฟันหัก 3 ซี่ร่วมถึงได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ขณะที่ ชูมัคเกอร์ ผู้ก่อเหตุออกมาแสดงความรับผิดชอบแบบหน้าระรื่นว่า "บอกเขาด้วยนะ เดี๋ยวผมจ่ายค่าฟันปลอมให้"
"แฮนด์ ออฟ ก็อด"
เวิลด์ คัพ 1986 ที่เม็กซิโก เปรียบเสมือน "มาราโดน่า 1986" เพราะในทัวร์มาเมนต์นี้ "เสือเตี้ย" คือพระเอกของรายการและพระเจ้าของชาวอาร์เจนไตน์อย่างแท้จริง
อย่าง ไรก็ตามในตัวของพระเจ้านามมาราโดน่า กลับมีซาตานสิงสู่อยู่ลึกๆ และได้แสดงให้เห็นเกมที่พบทีมอังกฤษ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งผลการแข่งขันอาร์เจนตินา เอาชนะไป 2-1 โดยทั้งสองประตูมาจากมาราโดน่า
ทั้ง นี้สองประตูของ "เสือเตี้ย" ทำได้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่ถูกกล่าวขานมาถึงทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นประตูที่ สองที่โชว์สเต็ปเทพลากบอลจากแดนตัวเอง เลี้ยงผ่าผู้เล่นสิงโตคำรามเกินครึ่งทีมเข้าไปยิงผ่านปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไปตุงตาข่าย
ทว่าประตูแรกที่ทำได้นับเป็นเรื่องที่ฉาวโฉ่สุดๆ เมื่อมาราโดน่า ซึ่งตัวเตี้ยกว่าปีเตอร์ ชิลตัน นายทวารทีมชาติอังกฤษ เกือบ 20 เซนติเมตร สามารถโฉบโหม่งบอลตัดหน้าเข้าไปตุงตาข่าย โดยภายหลังแสดงให้เห็นว่ามาราโดน่า ใช้มือปัดบอลเข้าไปตุงตาข่าย ขณะที่หลังเกม "เสือเตี้ย" ออกมาปฏิเสธว่าเป็นมือของเขาแต่มันเป็น "หัตถ์พระเจ้า" หรือ "แฮนด์ ออฟ ก็อด"
ถุยส์!
เหตุการณ์ฉาวๆ ยังเกิดขึ้นแบบต่อเนื่อง ครั้งนี้เกิดขึ้นในปี 1990 ที่อิตาลี เป็นเกมระหว่างเยอรมัน กับฮอลแลนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
นัดนี้ต่างฝ่ายต่างหวดกันไฟแลบ และดีกรีความรุนแรงไม่ต่างจากในการรบพุ่งบนสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 2
เกม นี้แฟร้งค์ ไรจ์การ์ด กองหลังทีมกังหันลม ต้องเผชิญหน้ากับรูดี้ โฟลเลอร์ กองหน้า "อินทรีเหล็ก" ต่อเนื่องตลอดทั้งเกม และทั้งสองคนต่างก็เข้าปะทะกันอย่างดุเดือด ก่อนจะเรื่องฉาวจะเกิดขึ้นในจังหวะที่ปะทะกันไรจ์การ์ด ทำฟาวล์โฟลเลอร์ จนโดนใบเหลือง จากนั้นไรจ์การ์ด ก็ได้ถ่มน้ำลายไปใส่ผมของโฟลเลอร์ จากด้านหลังซะอย่างนั้น
******************************************************************
"เฮดบัตต์"
เรื่อง สุดฉาวเรื่องนี้เชื่อว่าหลายๆคนยังคงจนได้ โดยย้อนไปในเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน อันเป็นการพบกันระหว่างฝรั่งเศส กับอิตาลี
เป็น ที่รู้กันว่าทัวร์นาเมนต์นี้ เป็นรายการใหญ่รายการสุดท้ายที่ซีเนอดีน ซีดาน สุดยอดเพลย์เมกเกอร์จะลงรับใช้ทีมชาติฝรั่งเศส พร้อมตั้งความหวังว่าจะพาทีมคว้าแชมป์โลก สมัยที่สองให้ได้
เทพ "ซิซู" พังประตูให้ฝรั่งเศส นำก่อน 1-0 ทว่ามาร์โก มาเตราซซี่ ก็ตีเสมอให้ "อัซซูรี่" สำเร็จ และเกม 90 นาทีก็เสมอกัน 1-1 ต้องไปตัดสินในช่วงต่อเวลาพิเศษ
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงนาทีที่ 110 ก็เกิดเหตุการณ์ที่ถูกนำมาเล่าขานกันไม่มีวันจบเมื่อทั้งซีดาน และมาเตรัซซี่ มีการปะทะกันในเขตโทษ ก่อนที่ทั้งสองคนจะวิ่งตีคู่กันมาพร้อมถกเถียงอะไรบางอย่างแต่แล้วจู่ๆ ซีดาน ก็ฟิวล์ขาดใช้หัวโหม่งไปที่หน้าอกของมาเตรัซซี่ จนล้มกลิ้งไปนอนกับพื้น ก่อนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป สุดท้ายอิตาลี ก็เป็นแชมป์โลก ด้วยการเอาชนะไปในการดวลจุดโทษ
ข่าวฮอต
ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก
แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
เมือง&สนาม
ชิงอันดับฟุตบอลโลกที่ผ่านมา
- ปี
- ชนะเสิศ
- รองชนะเสิศ
- อันดับ 3