เดือด!เยอรมันฟัดฝรั่งเศส,มุลเลอร์วัดเบนเซม่า
04/07/2014 ขอบคุณ siamsport
(รอบ 8 ทีมสุดท้าย)
วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม 2557
ฝรั่งเศส - เยอรมัน
ถ่ายทอดสด : ททบ.5, ทรูสปอร์ต เอชดี 3 (668), TV One Indo, Astro SuperSports, เวลา : 23.00 น.
สนาม : เอสตาดิอู ดู มาราคาน่า (รีโอ เด จาเนโร)
ทีมชาติฝรั่งเศส ที่สร้างสถิติยอดเยี่ยมไม่แพ้ 9 นัดติดต่อกัน จะลงสนามพบ เยอรมัน ที่ เอสตาดิอู ดู มาราคาน่า ในรีโอ เด จาเนโร่ บิ๊กแมตช์ ศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่จะแข่งขันคืนวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมนี้ เวลา 23.00 น.
สำหรับเส้นทางของทั้งสองทีม ก่อนมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 2014 ฝรั่งเศส คว้าแชมป์กลุ่มอี. ทำได้ทั้งสิ้น 7 คะแนน ด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 นัด เริ่มจากเกมต้อน ฮอนดูรัส 3-0 ที่เอสตาดิอู ไบร่า-ริโอ, ปอร์ตู อเลเกร เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน จากนั้นทีมถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 5-2 ที่อาเรน่า ฟอนเต้ โนวา, ซัลวาดอร์ คืนวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน
จนมาถึงนัดสุดท้าย "เลส์ เบลอส์" ลงเล่นเมื่อคืนวันพุธ 25 มิถุนายน เสมอ เอกวาดอร์ 0-0 ที่ เอสตาดิอู ดู มาราคาน่า ใน รีโอ เด จาเนโร ซึ่งพวกเขามีผลงานดีกว่า สวิตเซอร์แลนด์ (6 คะแนน), เอกวาดอร์ (4 คะแนน), ฮอนดูรัส (0 คะแนน)
และรอบ 16 ทีมสุดท้าย ปราบ ไนจีเรีย 2-0 ที่ เอสตาดิอู นาซิออนนาล ในบราซิเลีย เมื่อคืนวันจันทร์ 30 มิถุนายน ปอล ป็อกบา กองกลางยูเวนตุสวัย 21 ปี สตาร์เชื้อสายกินี และ คองโก คว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เขาโหม่งประตูแรกนาที 79 และ โจเซฟ โยโบ เซนเตอร์ฮาล์ฟ กัปตันทีมไนจีเรียสกัดบอลเข้าประตูตัวเอง นาที 92
ทางด้าน เยอรมัน ซิวแชมป์กลุ่มจี. ทำได้ทั้งสิ้น 7 คะแนน สถิติเหนือกว่าคู่แข่งร่วมกลุ่มทั้ง สหรัฐอเมริกา (4 คะแนน), โปรตุเกส (4 คะแนน), กาน่า (1 คะแนน)
ผลงานรอบแบ่งกลุ่ม เยอรมัน เริ่มต้นได้สวยงามต้อน โปรตุเกส 4-0 ที่ อาเรน่า ฟอนเต้ โนวา, ซัลวาดอร์ คืนวันจันทร์ 16 มิถุนายน ตามด้วยผลเสมอ กาน่า 2-2 ที่ เอสตาดิอู กาสเตเลา, ฟอร์ตาเลซ่า วันเสาร์ 21 มิถุนายน และ นัดสุดท้าย ชนะ สหรัฐอเมริกา 1-0 ที่ อาเรน่า แปร์นัมบูกู, เรซีเฟ่ วันพฤหัสดบี 26 มิถุนายน จนมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ แอลจีเรีย 2-1 หลังต่อเวลาพิเศษ (จบ 90 นาที เสมอ 0-0) เมื่อคืนวันจันทร์ 30 มิถุนายนที่ เอสตาดิอู ไบร่า-ริโอ, ปอร์ตู อเลเกร
ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ เซเล็กซิยอนเนอร์ทีมชาติฝรั่งเศสวัย 45 ปี ทำสถิติไม่แพ้ถึง 10 นัดในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ เขามีส่วนร่วมทั้งฐานะนักเตะและเทรนเนอร์
เวลานี้ทีมได้ มามาดู ซาโก้ เซนเตอร์ฮาล์ฟลิเวอร์พูลหายเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาซ้าย กลับมาฝึกซ้อมได้แล้ว หลังจากเขาไม่ได้ลงเล่นนัดชนะ ไนจีเรีย
ในรายของ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ปราการหลังอาร์เซน่อลหายเจ็บเอ็นร้อยหวายและ ราฟาแอล วาราน เซนเตอร์ฮาล์ฟเรอัล มาดริด หายจากอาการปวดท้อง โดยเขาเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลใน ริไบเรา เปรโต้ จากสภาวะขาดน้ำ แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของเขาแข็งแรง สมบูรณ์ดีแล้ว
สำหรับ คาริม เบนเซม่า ดาวซัลโวของทีม ยิงไปแล้ว 3 ประตูในทัวร์นาเม้นต์นี้ ล้วนเป็นการยิงเท้าขวาทั้งหมด โดยตอนนี้เขาทำไปแล้ว 24 ประตู ในการเล่นทีมชาติฝรั่งเศส 70 นัด และเขายิงได้ถึง 9 ประตูจากการเล่น 10 นัดหลังสุดในชุดเลส์ เบลอส์
เดส์ชองส์ นำลูกทีมฝึกซ้อมที่ ริไบเรา เปรโต้ สนามของสโมสร โบตาโฟโก ซึ่งเขาเน้นลูกทีมให้คิดถึงแต่เกมพบ เยอรมัน เท่านั้น
การจัดทีมนัดนี้ ฝรั่งเศส ที่ยิง 10 ประตูใน 4 นัดที่เล่นที่บราซิล จะเล่นระบบ 4-3-3 ตามเดิม น่าจะเปลี่ยนแปลงทีมเพียงตำแหน่งเดียวจากนัดชนะ ไนจีเรีย คือ บทบาทเซนเตอร์ฮาล์ฟ ด้วยการส่ง มามาดู ซาโก้ กลับมาเล่นกองหลังตัวกลางคู่กับ ราฟาแอล วาราน เหมือนนัดชนะ ฮอนดูรัส และ สวิตเซอร์แลนด์
ส่วนผู้เล่นตำแหน่งอื่นๆ เหมือนเดิม อูโก้ โยริส กัปตันทีม ยืนด่านสุดท้าย มาติเยอ เดอบูชี่ เล่นแบ็กขวา และแบ็กซ้ายเป็นงานของ ปาทริซ เอวร่า
กองกลางประกอบด้วย ปอล ป็อกบา, โยอัน กาบาย, แบลส มาตุยดี้ และแผงหน้า มาติเยอ วัลบูเอน่า เดินเกมรุกทางฝั่งขวา คาริม เบนเซม่า อยู่ทางฝั่งซ้าย พร้อมกับที่ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป็นกองหน้าตัวเป้า
โยอัคคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์เยอรมนี มีข่าวร้ายพอสมควรโดยเฉพาะอาการบาดเจ็บของ ชโครดาน มุสตาฟี่ กองหลังจากซามพ์โดเรียกล้ามเนื้อต้นขาฉีกในเกมเชือดแอลจีเรีย 2-1 หมดสิทธิ์ลงสนามจนจบทัวร์นาเม้นต์ เป็นไปได้ว่า ฟิลิปป์ ลาห์ม จะถอยมายืนแบ็คขวา แม้เลิฟเคยยืนยันต้องการใช้งานกัปตันทีมในตำแหน่งกองกลางก็ตาม
มัทส์ ฮุมเมิลส์ ที่ป่วยเป็นไข้จนชวดนัดล่าสุด ตอนนี้สภาพร่างกายเริ่มกลับมาฟิตสมบูรณ์ คาดว่ามีสิทธิ์คืนตัวจริง ส่วนคืนอื่นที่มีข่าวว่านักเตะหลายคนติดเชื้อไข้เนื่องจากสภาพอากาศไม่ค่อย ดี ล่าสุดยังไม่มีรายงานยืนยัน
นอกจากนี้อีกกระแสข่าวจาก "แดร์-โพสสิชั่น ดอท คอม" เปิดเผยว่าระหว่างการซ้อมแท็คติคฟรีคิกปรากฎว่าเกิดอุบัติเหตุผู้เล่นตัว หลักหลายคนวิ่งชนกันจนได้รับบาดเจ็บ ทั้ง โทนี่ โครส, โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล และ มาริโอ เกิทเซ่อ อย่างไรก็ตามไม่มีการยืนยันข่าวชิ้นนี่ คาดว่าเป็นแค่ข่าวลวงก่อนลงสนามเท่านั้น เชื่อว่าทั้งหมดพร้อมช่วยทีม
การจัดทัพ มานูเอล นอยเออร์ ที่ฟอร์มยอดเยี่ยมออกมาตัดบอลนอกกรอบเขตโทษถึง 21 ครั้ง เกมล่าสุด ยืนเฝ้าเสาแน่นอน แนวรับปรับเปลี่ยนนิดหน่อย ฟิลิปป์ ลาห์ม, แพร์ แมร์เตซัคเคอร์, มัทส์ ฮุมเมิลส์ ส่วนแบ็คซ้ายใช้ เยโรม บัวเต็ง แทน เบเนดิคท์ เฮอเวเดส
ซามี่ เคดิร่า ปักหลักตัวรับ ใช้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เดินเครื่องพร้อม โทนี่ โครส แนวรุกสามคน อันเดร เชือร์เล่ มีสิทธิ์เบียด มาริโอ เกิทเซ่อ ไปนั่งสำรอง ลงประสานงานกับ โธมัส มุลเลอร์ และ เมซุต โอซิล
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส (กัปตันทีม) - มาติเยอ เดอบูชี่, ราฟาแอล วาราน, มามาดู ซาโก้, ปาทริซ เอวร่า - ปอล ป็อกบา, โยอัน กาบาย, แบลส มาตุยดี้ - มาติเยอ วัลบูเอน่า, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, คาริม เบนเซม่า
เยอรมนี (4-3-3) : มานูเอล นอยเออร์ - ฟิลิปป์ ลาห์ม,แพร์ แมร์เตซัคเคอร์,มัทส์ ฮุมเมิลส์,เยโรม บัวเต็ง - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์,ซามี่ เคดิร่า,โทนี่ โครส - อันเดร เชือร์เล่,โธมัส มุลเลอร์,เมซุต โอซิล
ผู้ตัดสิน : เนสตอร์ ปิตาน่า (อาร์เจนติน่า)
พลิกปูมสถิติ ฝรั่งเศส เหนือกว่า เยอรมัน
ฝรั่งเศส และ เยอรมัน (รวมถึง อดีตเยอรมันตะวันตก) อดีตแชมป์ฟุตบอลโลกของทั้งสองทีมพบกันมาแล้ว 25 ครั้ง ตั้งแต่ปี 1931 ผลปรากฎว่า เลส์ เบลอส์ เป็นฝ่ายชนะ 11 นัด และ อินทรีเหล็ก ชนะ 9 นัด
แต่ผลงานในฟุตบอลโลก เยอรมัน มีสถิติที่ดีกว่า ซึ่ง อดีตเยอรมันตะวันตก ชนะการยิงจุดโทษเหนือ ฝรั่งเศส 5-4 (หลังต่อเวลาพิเศษเสมอ 2-2, จบ 90 นาที เสมอ 1-1) ในรอบรองชนะเลิศปี 1982 และปี 1986 อดีตเยอรมัน
ตะวันตกคว้าชัยเหนือ ตราไก่ 2-0
ขณะที่ปี 1958 ฝรั่งเศส ถล่ม อดีตเยอรมันตะวันตก 6-3 ในการชิงอันดับ 3
สำหรับ ทีมชาติเยอรมัน คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาแล้ว 3 สมัยปี 1954, 1974, 1990 ส่วน ฝรั่งเศส ได้แชมป์ฟุตบอลโลกสมัยเดียวคือปี 1998 บนแผ่นดินเกิดของตัวเอง
และในการพบกัน 7 ครั้งหลังสุด ฝรั่งเศส ชนะ 4 เยอรมันชนะ 2 เสมอกัน 1 นัด
ล่าสุดพวกเขาเจอกันเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2013 เยอรมันชนะ ฝรั่งเศส 2-1 ในแมตช์กระชับมิตร ที่สต๊าด เดอ ฟร้องซ์, แซงต์-เดอนีส์ ซึ่ง มาติเยอ วัลบูเอน่า ทำประตูให้ ตราไก่ นำก่อนนาที 44 ก่อนที่ อินทรีเหล็ก ได้คืน 2 ประตูรวดจาก โธมัส มุลเลอร์ นาที 51 และ ซามี่ เคดิร่า นาที 74
- 3 นัดหลังที่คู่นี้เจอกันในฟุตบอลโลกผลิตสกอร์รวมถึง 17 ลูก หรือเฉลี่ย 5.7 ประตูต่อนัดเลยทีเดียว
- เยอรมันยิง 2 ประตูขึ้นไปจาก 3 แมตช์ดังกล่าว และไม่แพ้ฝรั่งเศสในฟุตบอลโลก นับตั้งแต่หนแรกเมื่อปี 1958 (แพ้ 3-6) โดย 2 หนต่อมาชนะจุดโทษปี 1982 (หลังเสมอ 3-3) และชนะ 2-0 เมื่อปี 1986
- ทั้งสองทีมเจอกันล่าสุดในเกมกระชับมิตรเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ฝรั่งเศสนำก่อนในครึ่งแรกจาก มาติเยอ วัลบูเอน่า แต่เยอรมันรัวแซงครึ่งหลังโดย โธมัส มุลเลอร์ และ ซามี่ เคดิร่า กดคนละลูก
- เยอรมันผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลกมา 3 หนติด แต่ยังไม่เคยมีชาติใดทำได้ถึง 4 ทัวร์นาเมนต์ซ้อนมาก่อนในประวัติศาสตร์
- เยอรมันไม่แพ้เกมทีมชาติ 15 นัดรวด (ชนะ 10 เสมอ 5) มากกว่าทุกทีมที่เหลืออยู่ในฟุตบอลโลกหนนี้
- ตลอด 5 หนหลังที่ฝรั่งเศสผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ พวกเขาไปไกลถึงรอบตัดเชือก (1958, 1982, 1986, 1998 และ 2006)
- ทุกประตูของฝรั่งเศสในฟุตบอลโลกครั้งนี้เกิดขึ้นในเขตโทษ (10)
- ฝรั่งเศสแพ้แค่นัดเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 10 เกมที่ลงเล่นในบราซิล (ชนะ 6 เสมอ 3)
- ทีมตราไก่เป็นทีมแรกที่ได้คู่แข่งทำเข้าประตูตัวเองมากกว่า 1 ครั้งในฟุตบอลโลกหนเดียว (ชนะฮอนดูรัส 3-0 และไนจีเรีย 2-0)
- ขุนพลเลส์ เบลอส์ ยิงชนเสา-คานมากกว่าทุกทีม (6) เป็นสถิติสูงสุดฟุตบอลโลกเทียบเท่า โปแลนด์ และ อาร์เจนตินา เมื่อปี 1982
- โธมัส มุลเลอร์ (ยิง 4 จ่าย 2) มีส่วนร่วมโดยตรงถึง 6 จาก 9 ประตูของเยอรมันในฟุตบอลโลกครั้งนี้ (66.7 เปอร์เซ็นต์)
- คาริม เบนเซม่า หอกฝรั่งเศส หาโอกาสยิงทั้งสิ้น 19 ครั้งแล้วในฟุตบอลโลก มากกว่า
- อันเดร เชือร์เล่ พังตาข่ายไป 5 จาก 5 เกมหลังสุดให้เยอรมัน
- มิโรสลาฟ โคลเซ่ ศูนย์หน้าจอมเก๋าอินทรีเหล็ก ต้องการอีกแค่ประตูเดียวเท่านั้นเพื่อครองดาวซัลโวตลอดกาลฟุตบอลโลก โดยเวลานี้สะสมยอดที่ 15 ลูกเท่า โรนัลโด้ (บราซิล)
ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก
แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
- ปี
- ชนะเสิศ
- รองชนะเสิศ
- อันดับ 3