แถมคู่นี้จะเป็นการล้างตาของพลพรรค "ตราไก่" ได้บ้างหรือไม่ หลังเจอกัน 2 ครั้งในเกมตัดเชือกปี 1982 และ1986 นโปเลียนลูกหนังไม่อาจพาทีมหักด่านนักเตะเบียร์ได้ทั้งสองครั้งสองครา


 ฝรั่งเศส

 ขุมกำลัง

 ผู้รักษาประตู (8)
 รอบ แรก อูโก้ โยริส แทบไม่ต้องออกแรงอะไรมากมายเนื่องจากศักยภาพของ "เลส์ เบลอส์" ชุดนี้เหนือชั้นกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มมากมาย แถมมีแนวรับอันเหนียวแน่นช่วนกันกรอง
 
 อย่างไรก็ตามจากหลายๆ ช็อตที่ออกมาไม่ว่าจะเป็นเกมกับ ฮอนดูรัส และเกมกับ เอกวาดอร์ รวมถึงเกมรอบที่แล้ว ก็ทำให้ ดีดิเย่ร์ เดส์ชองส์ มั่นใจได้ในระดับหนึ่งว่านายทวารของเขาไมเป็นรองใคร
 
 สิ่งสำคัญที่ นายประตูจาก สเปอร์ส ต้องเน้นคือ เรื่องของสมาธิ เช่นในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่เขาไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย แต่พอพลาดแล้วก็เสียเลย เนื่องจากไม่ค่อยได้ออกแรง

 กองหลัง (8.6)
 เป็น สิ่งที่เรียกว่า "เกินคาด" สำหรับการจับคู่กันของ ราฟาแอล วาราน และมามาดู ซาโก้ เนื่องจากคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟคู่นี้ถูกสร้างมาเพื่อ ยูโร 2016 ไม่ใช่ในเวิลด์ คัพ ครั้งนี้
 
 กระนั้นการยืนกันของคู่ปราการหลังดาว รุ่งแทบจะไม่มีที่ติ โดย ซาโก้ จะเป็นตัวชน ก่อนมีแนวรับจาก เรอัล มาดริด ที่ทางบอลเป็นเลิศคอยซ้อนอีกที
 
 ด้าน มาติเยอ เดอบูชี่ ที่แย่งตำแหน่งมาจาก บาการี่ ซาญ่า นั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าพร้อมสำหรับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ส่วน ปาทริซ เอวร่า ก็ยังเก๋าพอสำหรับฟุตบอลโลก
 
 ขณะที่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กำลังสำรองเบอร์หนึ่งก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าฤดูกาลที่ผ่านมาฟอร์มกับ อาร์เซน่อล จะไว้ใจไม่ค่อยได้ แต่เขาเป็นอีกหนึ่งคีย์แมนของทีมในเกมเจอ ไนจีเรีย

 กองกลาง (9)
 สิ่ง หนึ่งที่มั่นใจได้สำหรับแดนกลางของ "ตราไก่" ชุดนี้ คือ ยามที่พวกเขาฟิตทุกคน ฝรั่งเศส จะไม่เป็นรองใครแน่นอน ไม่เว้นแม้กระทั่ง บราซิล "เต็งหนึ่ง" หรือ อาร์เจนติน่า "เต็งสอง"
 
 ทั้ง โยอัน กาบาย, แบลส มาตุยดี้, มุสซ่า ซิสโซโก้ รวมถึง ปอล ป็อกบา คือ นักเตะในสไตล์ที่แตกต่างกัน ทว่าทั้งหมดที่เอ่ยมา คือ ส่วนผสมอันลงตัวของแดนกลาง
 
 กาบาย เป็น ดีพลายอิ้งเพลย์เมกเกอร์ หรือ เรียกง่ายๆ ว่าตัวโฮลด์บอลที่มีประสิทธิภาพ แถมจ่ายบอลยาวคม ขณะที่ทั้ง มาตุยดี้ และ ซิสโซโก้ เป็น บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ ที่จุดเด่นแตกต่างกัน
 
 หรือหากอยากจะได้ความเหนือชั้น (บางทีก็เกินไป) ที่คาดเดาไม่ถูก และเน้นในเรื่องเกมรุกหน่อยก็เรียกใช้ห้องเครื่องจาก ยูเวนตุส ที่เกมล่าสุดเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ พาทีมเข้ารอบ

 กองหน้า (8.3)
 ถือ ว่าเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์สำหรับฝรั่งเศสชุดนี้ เพราะหะแรกที่เสีย ฟร้องค์ ริเบรี่ ไป ใครๆ ก็ปรามาสว่าทีมจะไม่มีทีเด็ด กระนั้นการก้าวขึ้นมารับภาระแบบเต็มตัวของ คาริม เบนเซม่า เจ้าตัวก็ทำได้ดีกว่าที่คิด
 
 ยิ่งยามใดที่ "หนูเบนซ์" ถูกจับถ่างมาเล่นริมเส้น ร่วมกับ มาติเยอ วัลบูเอน่า ที่ขยัน และเล่นได้ตามมาตรฐานทุกนัด โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ค้ำตรงกลาง แนวรุกของพวกเขายิ่งอันตราย
 
 ข้อดีของการไม่มี "เจ้าบาก" อย่างที่ใครคาดไม่ถึง คือ บอลไม่ถูกเก็บไว้ที่ตัวของดาวเตะบาเยิร์น มิวนิค นาน ทั้งทีมไม่ต้องหวังพึ่งใครเพียงคนเดียว และนั่นทำให้เกมรุกฝรั่งเศสรวดเร็วเกินห้ามใจ
 
 อย่างไรก็ตามจาก 2 เกมหลังสุดที่ผ่านมา เริ่มมีปัญหาเกิดขึ้นบ้างแล้วกับเรื่องการจบสกอร์ และการประสานงานของ "เบนซ์" และชิรูด์ ที่เริ่มไม่ลงตัว และไม่ผลิตประตูมาสองเกมติด

 ขุมกำลังสำรอง (7.7)
 อาจ จะไม่ดีพร้อมเท่าทีมใด แต่ก็ไม่ถือว่าขี้เหร่สำหรับกำลังเสริมของ เดส์ชองส์ เมื่อมีทั้ง อ็องตวน กรีซมันน์, โลอิก เรมี่, มอร์แดน ชไนเดอร์ลิน หรือ ริโอ มาวูบา และบาการี่ ซาญ่า อยู่ข้างสนาม
 
 จุดอ่อนอย่างเซน เตอร์ฮาล์ฟสำรอง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ เป็นที่โปรดปรานเป็นตัวเลือกแรกของ "เดเด้" มากกว่า เอเลียควิม ม็องกาล่า ซึ่งเขาก็ตอบแทนความไว้ใจนั้นได้ดี
 
 อย่าง ไรก็ตามหากผ่านรอบนี้ไปโดยมีผู้เล่นตัวหลักที่ติดโทษแบนก็ไม่แน่ว่า ลูก้าส์ ดีญ ที่ยังอ่อนประสบการณ์เกินไป หรือพวก มาวูบา และชไนเดอร์ลิน รวมถึง เรมี่ จะทดแทนได้ดีแค่ไหน

 เทรนเนอร์ (8.8)
 ต้อง ยกนิ้วให้เลยสำหรับ "เดเด้" ที่กู้ซากปรักหักพังของเหตุการณ์แคมป์แตกทั้งสองเที่ยวล่าสุดในทัวร์นาเมนต์ เมเจอร์ของทัพ "เลส์ เบลอส์" กลับมาได้แบบเหลือเชื่อ
 
 ยิ่งนับวัน "บารมี" ของเจ้าตัวยิ่งเจิดจรัสเป็นที่ยอมรับของสหพันธ์ฯ และนักเตะ กับเคสที่ว่าเขารวมแก๊งค์, ก๊วน ต่างๆ ภายในทีมให้กลับมาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดแล้ว
 
 ขณะ ที่เรื่องแท็คติก การจัดตัว หรือการแก้เกมเขาก็ยิ่งค่อยๆ "ปล่อยของ" ออกมาเรื่อยๆ จนหลายๆ คนที่ "แอนตี้" เจ้าตัวในตอนแรกไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาด่าเขาแล้ว
 
 กับเกมนัดล่าสุด ที่สั่งลูกทีมให้เล่นอย่างอดทนมีวินัย ก่อนปล่อย อ็องตวน กรีซมันน์ ลงมาป่วนช่วงครึ่งหลัง ขณะที่การเลือก ป็อกบา มาก่อน ซิสโซโก้ ในเกมที่แล้วก็ทำให้การตัดสินของเขาถูกอีกครั้ง

 รวมคะแนน : 50.4

 ผลงานรอบแรก 
 ลงสนาม 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิงได้ 4 เสีย 2
 15/06/14 ชนะ ฮอนดูรัส 3-0
 20/06/14 ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 5-2
 25/06/14 เสมอ เอกวาดอร์ 0-0

 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
 30/06/14 ชนะ ไนจีเรีย 2-0

 อัตราต่อรองแชมป์โลกล่าสุด : เต็ง 4 ราคา 15/2 (แทง 2 จ่าย 15 ไม่รวมทุน) จาก สกาย เบท

 ************************************************

 เยอรมัน

 ขุมกำลัง

 ผู้รักษาประตู (9.2)
 ยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจสำหรับนายทวารทีมชาติเยอรมันรายนี้ และน่าจะเป็นผู้รักษาประตูที่เหนียวที่สุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว
 
 จุดเด่นของเจ้าตัวไม่จำเป็นต้องสาธยายให้มากความ เมือกาวจากเสือใต้ทำได้ครบ แถมอยู่ในข่ายยอดเยี่ยมเสียด้วย
 
 นอก จากนี้เขายังเป็นนายทวารที่ใช้เท้าได้ดี เช่นเกมล่าสุดที่อ่านเกมในฐานะสวีปเปอร์ตัวสุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยมเกมกับ แอลจีเรีย ออกมาเคลียร์บอลนอกเขตโทษถึง 21 ครั้ง

 กองหลัง (8)
 ชัดเจน เลยว่า โยกี้ เลิฟ เลือกแล้วว่าจะใช้เซนเตอร์แบ็กทั้ง 4 คนลงเป็นแบ็กโฟร์ร่วมกัน โดยมี เบเนดิค โฮเวเดส เป็นแบ็กซ้าย ส่วนอีกฟากแล้วแต่ความฟิตของใคร
 
 อย่างไรก็ตามหาก เลิฟ เลือกดึงดันที่จะไม่ใช่ ฟิลิปป์ ลาห์ม กัปตันทีมลงมาเล่นแบ็กจริงๆ ก็อาจจะเกิดอุปสรรคขึ้น เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าการเล่นเกมรับ การเคลื่อนไหว รวมถึงการเติมเกมรุกของแบ็กมีปัญหา
 
 อย่างไรก็ตามพวกเขามีข่าวดีที่ มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ ซึ่งพลาดการลงสนามในรอบที่แล้วเตรียมฟิตกลับมาสมบูรณ์ สวนทางกับ ชโครดาน มุสตาฟี่ จุดอ่อนที่เจ็บปิดเทอมยาว

 กองกลาง (8.8)
 จริงๆ แล้ว เยอรมัน ชุดนี้คือกองกลางที่ดีที่สุดในเวิลด์ คัพ ครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย นักเตะอย่าง ฟิลิปป์ ลาห์ม, ซามี่ เคห์ดิร่า, โทนี่ โครส หรือ บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ เป็นตัวจริงทีมไหนก็ได้ในฟุตบอลโลกเที่ยวนี้
 
 ทุกคนร่วมกันเล่นแถม คุมจังหวะเกมเข้าขา รู้ใจไม่ว่าจะเป็นเกมรับ และเกมรุก แถมมีทีเด็ดที่การยิงไกล ขณะที่เกมรับก็สอดประสานงานกันได้อย่างลงตัว ดูแล้วเอาใครลงก็ไม่น่าเกลียด
 
 อย่างไรก็ดีเมื่อ เลิฟ เลือกที่จะให้ ลาห์ม มาเล่นกลางทำให้สมดุลเสียไปชัดเจน แทนที่จะใช้ เคห์ดิร่า ลงมาเล่นร่วมกับ โครส และชไวนี่ ซึ่งก็เคยทำผลงานได้ดี

 กองหน้า (9)
 แม้จะไม่มี มาร์โค่ รอยส์ ที่ดวงแตก ทว่าทั้ง มาริโอ เกิตเซ่อ, เมซุต โอซิล, อังเดร เชือร์เล่ ต่างเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
 
 นอก จากนี้ โธมัส มุลเลอร์ กลายเป็นคีย์แมนของทีมเรียบร้อยแล้ว และไม่ช้าเจ้าตัวจะกลายเป็นตำนานนักเตะที่ยิงในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมากที่สุดแน่นอน
 
 กระนั้นจากเกมในรอบ 16 ทีมที่ผ่านมา เยอรมัน เองก็มีปัญหาในเรื่องการปิดสกอร์ที่ไม่เฉียบคม และเด็ดขาดซึ่งนั่นเกิดจากการที่ไม่มีกองหน้าอาชีพอยู่ในสนามนั่นเอง ยิ่งกับรอบลึกๆ อาจมีปัญหาได้

 ขุมกำลังสำรอง (8.5)
 นี่คือขุมกำลังสำรองที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกเที่ยวนี้ก็ว่าได้ เพราะพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า เลิฟ จัดใครลงเป็นตัวจริงก็ไม่น่าเกลียด
 
 นัก เตะทุกๆ รายพร้อมเล่นเป็นตัวจริง และทำผลงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น โพลดี้, ยูเลียน ดรั๊กซ์เลอร์, โคลเซ่ หรือเชือร์เล่ ปัญหาเดียวของพวกเขาอยู่ที่แนวรับสำรองอ่อน
 
 ทั้ง ชโครดาน มุสตาฟี่ ที่เจ็บยาว, คริสโตเฟอร์ คราเมอร์ หรือเอริค ดวร์ม อ่อนเกินไปกับเวทีเวิลด์ คัพ

 เทรนเนอร์ (8.3)
 ถือ ว่ายอดเยี่ยมสำหรับ เลิฟ ในการทำงานด้วยระบบที่ เจอร์เก้น คลินส์มันน์ อดีตเทรนเนอร์คนก่อนวางรากฐานเอาไว้ให้ รวมถึงผู้เล่นที่สุกงอมได้ที่ขึ้นมาพร้อมๆ กัน
 
 จุดเสียของ เลิฟ อยู่ที่หัวรั้น และดื้อเกินไป แถมชอบยึดติดกับ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่ของประเทศอาทิดึงดันให้ ลาห์ม เล่นกลางรับ และทำให้สมดุลเสียซึ่งเขาก็ยืนยันเช่นกัน
 
 เช่นเดียวกับจุดอ่อน แบ็กโฟร์ยังเป็นปัญหา แต่เขาก็มั่นใจว่า 4 เซนเตอร์ฮาล์ฟที่เอามายืนเรียงกันจะใช้งานได้ไปตลอดรอดฝั่ง โชคดีที่เขามีตัวเลือกให้ใช้งานในการแก้เกมเยอะ

 รวมคะแนน : 51.8

 ผลงานรอบแรก 
 ลงสนาม 3 นัด ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิงได้ 7 เสีย 2
 16/06/14 ชนะ โปรตุเกส 4-0
 21/06/14 เสมอ กาน่า 2-2
 26/06/14 ชนะ สหรัฐฯ 1-0

 รอบ 16 ทีมสุดท้าย
 30/06/14 เสมอ แอลจีเรีย 0-0 (ชนะต่อเวลาพิเศษ 2-1)

 อัตราต่อรองแชมป์โลกล่าสุด : เต็ง 3 ราคา 4/1 (แทง 1 จ่าย 4 ไม่รวมทุน) จาก สกาย เบท