28 - 24 ใครดีใครได้...??
12/07/2014 ขอบคุณ หนังสือพิมพ์ "สปอร์ตแมน"
มาราคาน่า เมกะลูกหนังที่ยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในโลกเตรียมค้อมหัวต้อนรับ เยอรมัน กับ อาร์เจนตินา คู่ชิงประจำเวิลด์ คัพ ฉบับกาแฟ
ตัวเลขข้างต้นไม่ได้ต้องการบอกใบ้ให้เลขเด็ดแต่อย่างใด หากแต่เป็นจำนวนปีที่ อาร์เจนตินา และ เยอรมัน ห่างหายจากการเป็น "แชมป์โลก"
ครั้งสุดท้ายที่ทีม "ฟ้า-ขาว" ผงาดเป็นเจ้าแห่งโลกลูกหนังเกิดขึ้นเมื่อปี 1986 ส่วน เยอรมัน เมื่อปี 1990 โน่นเลย
ทั้งสองทีมนับเป็นอีกคู่ไม้เบื่อไม้เมาประจำวงการ หลังจากปะทะกันมาแล้วทั้งหมด 20 ครั้ง
นักเตะอาร์เจนไตน์มีสถิติที่ดีกว่า เก็บชัยชนะได้ 9 ครั้ง ส่วน เยอรมันชนะ 6 ครั้ง อีก 5 ครั้งเสมอกัน
ถ้านับเฉพาะในรายการฟุตบอลโลกแล้ว นักเตะจากเมืองเบียร์ผลงานดีกว่า 6 ครั้งที่ผ่านมา พ่ายต่ออาร์เจนตินาไปเพียง "ครั้งเดียว" เท่านั้น
ครั้งแรกที่ทั้งคู่พบกันต้องย้อนกลับไปถึงฟุตบอลโลกปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน
เยอรมันตะวันตก เดินทางเข้าสู่การแข่งขันด้วยฐานะแชมป์เก่า และแม้ว่าจะโดน โอมาร์ กอร์บัตต้า ยิงให้ทีม "ฟ้า-ขาว" ออกนำตั้งแต่ 3 นาทีแรก แต่ เฮลมุต ราห์น และอูเว่ ซีเลอร์ ก็ช่วยกันยิง 3 ประตูให้ เยอรมัน เอาชนะได้สบายๆ 3-1 (เฮลมุต ราห์น ยิง 2 ประตู) โดยที่นักเตะอาร์เจนไตน์ต้องขอยืมเสื้อจากไอเอฟเค มัลโม่ เจ้าของสนามมาใส่หลังจากลืมนำเสื้อมาเปลี่ยนหลังการแข่งขัน
ครั้งต่อมาเกิดขึ้นในฟุตบอลโลกปี 1966 ที่ประเทศอังกฤษ
เยอรมันตะวันตก และอาร์เจนตินา ประเดิมสนามฟุตบอลโลกด้วยชัยชนะเหนือสวิตเซอร์แลนด์ (5-0) และสเปน (2-1) ตามลำดับ
ทั้งคู่มาแบ่งแต้มกันหลังจากเสมอ 0-0 ในเกมที่ 2 จากนั้นก็ปิดท้ายด้วย 3 คะแนนในเกมสุดท้ายกอดคอเข้ารอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทั้ง เยอรมันตะวันตก และอาร์เจนตินา ก็ต้องมาอกหัก เมื่อทั้งคู่โดนอังกฤษที่ก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกในคราวนั้นเขี่ยพ้นเส้นทางใน รอบชิงฯและรอบ 16 ทีมสุดท้ายตามลำดับ
สองทีมนี้พบกันอีกครั้งในฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศ เยอรมัน
ขุนพลนักเตะเมืองเบียร์เสมอกับทีม "อัลบิเชเลสเต้" 1-1 ใน 90 นาที ก่อนเอาชนะจุดโทษไป 4-2 หลังจากที่ โรเบร์โต้ อยาล่า และเอสเตบัน กัมบิอัสโซ่ หวดไปติดเซฟ เยนส์ เลห์มันน์ ขณะที่นักเตะ "อินทรีเหล็ก" ทั้ง 4 คนแรกหวดไม่พลาดเลย
หลังจากเสร็จสิ้นการดวลจุดโทษ ทั้งสองฝั่งมีปัญหากันที่ข้างสนาม เลอันโดร คูเฟร สังเวยใบแดงจากความรุนแรงดังกล่าว เช่นเดียวกันกับ ทอร์สเทิ่น ฟริงก์ส แข้งด๊อยท์ชที่โดนแบนย้อนหลัง ชวดลงสนามในรอบรองชนะเลิศ ซึ่ง เยอรมัน พ่ายต่ออิตาลี 0-2
หนล่าสุดที่คู่นี้พบกันเกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้วในแอฟริกาใต้
หลังจากที่ไล่ถลุงอังกฤษมา 4-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เยอรมัน กรุยทางเข้ามาพบกับ อาร์เจนตินา ในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยนักเตะ "อินทรีเหล็ก" ที่อยู่ในทีมชุดนั้น เป็นชุดเดียวกับทีมปัจจุบันกว่า 99 เปอร์เซนต์
โธมัส มุลเลอร์ โขกให้เยอรมันออกนำตั้งแต่ 3 นาทีแรก จากนั้น มิโรสลาฟ โคลเซ่ บวกให้ทีม "อินทรีเหล็ก" หนีไปเป็น 2-0 ในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย
อาร์เน่ ฟรีดริช ยิงประตูแรกและประตูเดียวในนามทีมชาติในเกมนี้ ก่อนที่ โคลเซ่ จะมาเพิ่มสกอร์ให้ เยอรมัน เอาชนะไปแบบสบายๆ 4-0
การปะทะกัน 2 ครั้งที่เหลือของคู่นี้ เป็น 2 ครั้งที่สำคัญที่สุด เนื่องจากเป็นการห้ำหั่นกันในรอบ "ชิงชนะเลิศ"
ย้อนกลับไปเมื่อ 28 ปีที่แล้ว ในฟุตบอลโลกที่ประเทศเม็กซิโก
อาร์เจนตินา ภายใต้แกนนำทีมของ ดีเอโก้ มาราโดน่า เข้าชิงชนะเลิศกับ เยอรมันตะวันตก ที่มี ฟร้านซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ คุมทีม
ที่เอซเตก้า สเตเดี้ยม ทั้งสองฝั่งเปิดเกมใส่กันไม่ยั้งจนมีใบเหลืองปลิวว่อนถึง 6 ใบ ซึ่งถูกบันทึกเป็นสถิติการแข่งขันก่อนมาโดนทำลายเมื่อปี 2010
โฮเซ่ หลุยส์ บราวน์ และฮอร์เค่ วัลดาโน่ ยิงให้ อาร์เจนตินา ออกนำห่าง 2-0 โดยเหลือเวลาอีก 15 นาทีจะถึงสัญญาณนกหวีดยาว
เยอรมัน ส่ง ไดเตอร์ เฮอเนส (น้องชายแท้ๆของอูลี่ เฮอเนส) ลงสนามเติมเกมรุก ซึ่งมันก็ได้ผลเป็นอย่างดีเมื่อสามารถช่วยให้ เยอรมัน ไล่ตีเสมอเป็น 2-2 จากปลายสตั๊ด คาร์ล-ไฮน์ซ รุมเมนิกเก้ และรูดี้ โฟลเลอร์
อย่างไรก็ดี ทัวร์นาเมนต์นั้นนับเป็นเวทีแจ้งเกิดของ เจ้า "เสือเตี้ย" อย่างแท้จริง หลังจากจัดการผ่านบอลให้ ฮอร์เค่ บูร์รูชาคา หลุดเข้าไปยิงประตูชัยให้ อาร์เจนตินา เอาชนะเยอามันตะวันตก 3-2 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 แบบสุดระทึกใจ
ในอีก 4 ปีให้หลัง อาร์เจนตินา เข้ามาป้องกันแชมป์โลก โดยที่มีผู้ท้าชิงเป็น เยอรมันตะวันตก เจ้าเดิม
เกมที่สนามโอลิมปิโก้ สตาดิโอ กรุงโรม ประเทศอิตาลีวันนั้น ได้รับการขนานนามให้เป็นนัดชิงฯที่คุณภาพห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์การ แข่งขัน
อาร์เจนตินา ตั้งใจรับแบบเต็มพิกัด ขณะที่ เยอรมันตะวันตก ครองเกมบุกและหาจังหวะจบสกอร์อยู่ฝ่ายเดียว
จนกระทั่งในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของการแข่งขัน เปโดร มอนซอน ตัดฟาวล์รุนแรงใส่ เจอร์เก้น คลินส์มันน์
เอ็ดการ์โด้ โกเดซาล ผู้ตัดสินชาวเม็กซิกันชูใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้ มอนซอน กลายเป็นนักเตะคนแรกที่โดนใบแดงในประวัติศาสตร์เกมชิงชนะเลิศเวิลด์ คัพ ก่อนที่ กุสตาโว่ เดซอตติ เพื่อนร่วมทีมจะโดนอัปเปหิออกจากสนามตามไปติดๆจากการฟาวล์ เจอร์เก้น โคห์เลอร์
ก่อนหมดเวลาเพียง 5 นาที เยอรมันตะวันตก มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ รูดี้ โฟลเลอร์ โดน โรเบร์โต้ เซนซินี่ ตัดฟาวล์ในเขตโทษ อันเดรียส เบรห์เม่ สังหารเข้าไปเป็นประตูชัยให้ทีม "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 และสมัยล่าสุดไปครอง พร้อมกับคิดบัญชี อาร์เจนตินา จากความผิดหวังเมื่อ 4 ปีก่อนได้สำเร็จ
เป็นเวลาเกือบๆ 3 ทศวรรษแล้วที่ทั้ง อาร์เจนตินา และเยอรมัน ห่างหายจากการเป็นเจ้าแห่งยุทธจักรลูกหนัง
สงครามฝีเท้าที่ มาราคาน่า หนนี้จึงเป็นเกมที่คู่ควรต่อการติดตามอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
ด้วยปูมหลังและการช่วงชิงความยิ่งใหญ่ของทั้งสองทีมจะทำให้เกมนี้ต้องเต็มไปด้วยอรรถรสนานาสารพันอย่างแน่นอน
ซึ่งมันจะเป็น 28 หรือ 24 ปีที่รอคอยนั้น วันอาทิตย์นี้เราจะได้รู้กัน...
"ตุ้ย พันเข็ม"
ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก
แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
- ปี
- ชนะเสิศ
- รองชนะเสิศ
- อันดับ 3