7MTH.COM
อยู่ที่: หน้าแรก >

ตัวทีเด็ด!รวมซูเปอร์ซับบอลโลก2014

14/07/2014 ขอบคุณ siamsport

ตัวทีเด็ด!รวมซูเปอร์ซับบอลโลก2014

ศึกฟุตบอลโลก 2014 ไม่ได้เป็นเวทีสร้างชื่อให้กับดาวเด่นของแต่ละทีม แต่นักเตะอีกหลายคนก็ยังมีโอกาสลงมาแสดงฝีเท้าให้แฟนบอลในวงกว้างได้เห็นกัน แม้ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง

 การแข่งขันคราวนี้ตัวสำรองจำนวนไม่น้อยได้รับการกล่าวขวัญถึง เพราะเมื่อถูกเปลี่ยนลงสนาม ก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาในหลายๆครั้ง  ซึ่งเป็นสิ่งที่เหล่าซูเปอร์สตาร์ทำไม่สำเร็จ เพราะโชว์ฟอร์มไม่ออก ส่งผลให้เกมมีชีวิตชีวา ดูสนุกขึ้น บางรายมาทำประตูชัย ขณะบางรายก็เซฟช่วยทีมให้ได้คะแนนเช่นกัน และนี่คือเหล่าตัวสำรองที่ "เดลี่เมล์" หนังสือพิมพ์อังกฤษ คัดเลือกให้เป็น "สุดยอดซูเปอร์ซับ" สำหรับฟุตบอลโลก 2014 เพราะลงมาประตูสำคัญๆในแต่ละเกม
 

 ฮาริส เซเฟโรวิช (สวิตเซอร์แลนด์) เกมชนะ เอกวาดอร์ 2-1
 
 หลัง โดนนำในช่วง 45 นาทีแรก อ็อตม่าร์ ฮิตซ์เฟลด์ กุนซือ สวิตเซอร์แลนด์ ก็โชว์กึ๋นด้วยการถอดปีกซ้าย และให้ อัดเมียร์ เมห์เมดี้ กองหน้า ไฟร์บวร์ก ลงมาตั้งแต่เริ่มต้นครึ่งหลัง ซึ่งเขาใช้เวลา 2 นาที โหม่งตีเสมอเป็น 1-1 ก่อนที่ เซเฟโรวิช หัวหอกของสโมสร เรอัล โซเซียดาด ตัวสำรองอีกคนซึ่งถูกเปลี่ยนลงมาในช่วง 15 นาทีสุดท้าย สร้างความฮือฮาด้วยการทำประตูชัยให้ทีม พลิกกลับมาชนะ เอกวาดอร์ 2-1 ในนาทีที่ 93
 

 จอห์น บรู๊คส์ (สหรัฐอเมริกา) เกมชนะ กานา 2-1
 
 ถึง แม้ คลิ้นท์ เดมป์ซี่ย์ จะยิงให้ สหรัฐอเมริกา ขึ้นนำตั้งแต่นาทีแรก แต่ไปๆมาๆพวกเขาก็ส่อเค้าว่าจะเอาชนะ กานา ไม่ได้ เมื่อโดนตีเสมอในนาทีที่ 82 แต่กลายเป็น จอห์น บรู๊คส์ เซนเตอร์แบ๊กจาก แฮร์ธ่า เบอร์ลิน ที่ลงมาตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง นอกจากจะใช้ความแข็งแกร่งสกัดกองหน้าคู่แข่งได้แล้ว เขายังขึ้นมาพังประตูชัยให้ทีม "ลุงแซม" ในนาทีที่ 86 พวกเขาจึงเก็บ 3 คะแนนแรกได้สำเร็จ จนส่งผลให้เข้ารอบ 2 ในเวลาต่อมา


 มารูยาน เฟลไลนี่ (เบลเยียม) เกมชนะ แอลจีเรีย 2-1
 
 มา ร์ค วิลม็อตส์ กุนซือ เบลเยียม ไม่อยากแพ้ตั้งแต่นัดเปิดสนาม จึงส่งมิดฟิลด์หัวฟูจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงไปแทนปีก ตอนนาทีที่ 65 ผลคือเขาตอบแทนด้วยการโหม่งประตูตีเสมอภายในเวลาแค่ 5 นาที เกิดจุดเปลี่ยนจนทีมมีกำลังใจ และฮึดสู้กระทั่งได้ประตูชัยช่วง 10 นาทีสุดท้าย ต่อมา เบลเยียม ก็ชนะ 4 เกมรวดจนได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไปไกลสุดแค่นั้น และ เฟลไลนี่ ยิงไม่ได้อีกเลย
 

 คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ (ฮอลแลนด์) เกมชนะ เม็กซิโก 2-1
 
 การ เล่นอันเหนียวแน่นของแนวรับ เม็กซิโก เคยทำให้ บราซิล สะอื้นมาแล้ว และเกือบจะทำสำเร็จอีกครั้งกับ ฮอลแลนด์ แต่ หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ทีมดัตช์ ไม่ยอมให้เกิดขึ้น จึงส่ง ฮุนเตลาร์ จาก ชาลเก้ 04 ลงมาแทน โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกกัปตันทีม ในนาทีที่ 76 ผลปรากฏว่าเขาลงมาใส่พานให้ เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ ตีเสมอในนาทีที่ 88 ก่อนซัดจุดโทษในนาทีที่ 90 ส่งผลให้ทีมแซงชนะ 2-1 และได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย



 ซิลเวสเตร้ วาเรล่า (โปรตุเกส) เสมอ สหรัฐฯ 2-2
 
 หลังไม่มีส่วนร่วมนเกมนัดแรกที่แพ้เยอมรัน 0-4 ซิลเวสเตร้ วาเรล่า มาได้โอกาสลงสนามในเกมที่สองโดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาในนาที 69 แต่ก็ยังไม่มีบทบามช่วยทีมได้ไม่มากกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายวา เรล่าทิ้งตัวโขกลูกเปิดของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตุงตาข่ายเป้นประตูต่อลมหายใจให้ "ฝอยทอง" โปรตุเกส ไล่ตามตีเสมอ สหรัฐอเมริกา สุดระทึก 2-2 มีลุ้นเข้ารอบอีกเฮือกก่อนสุดท้ายก็ไม่รอดตกรอบแรกแม้นัดสุดท้ายโปรตุเกสจะ ชนะ2-1ก็ตาม
 

 เมมฟิส เดปาย (ฮอลแลนด์) เกมชนะ ออสเตรเลีย 3-2
 
 หลัง ถล่ม สเปน 5-1 ในนัดแรก ฮอลแลนด์ กลับมาพบความยากลำบากในเกมที่ 2 ซึ่งเจอกับ ออสเตรเลีย เพราะผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงก็ยังตามหลังอยู่ 1-2 แต่สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เมื่อ เดปาย ปีกดาวรุ่งจาก พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ซึ่งลงมาช่วงท้ายครึ่งแรก เปิดบอลให้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ซัดตีเสมอนาทีที่ 58 ก่อน เดปาย โชว์ทักษะยิงประตูนำชัยในอีก 10 นาทีถัดมา และการชนะนัดนี้ทำให้ ฮอลแลนด์ ผ่านเข้ารอบทันที
 

 อันเดร เชือร์เล่ (เยอรมัน) เกมชนะ แอลจีเรีย 2-1
 
 เป็น แมตช์ที่สูสี และน่าอึดอัดเพราะจบ 90 นาทีไม่มีใครยิงกันได้ จนต้องต่อเวลาออกไปอีกครึ่งชั่วโมง แต่เพียง 2 นาที เชือร์เล่ ซึ่งถูกเปลี่ยนลงมาตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง ก็เป็นฮีโร่เบิกสกอร์แรกได้สำเร็จ ทำให้ เยอรมัน คลายความกดดัน และ แอลจีเรีย เน้นเกมรุกมากกว่าเดิม จากนั้น "อินทรีเหล็ก" เล่นง่ายขึ้นจนได้ลูกที่ 2 แม้โดนตีไข่แตก ก็ยังเฉือนชนะคู่แข่งจากแอฟริกา ไปหวุดหวิด 2-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบหืดขึ้นคอ
 

 โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม) เกมชนะ สหรัฐอเมริกา 2-1
 
 แนว รุก เบลเยียม อาจไม่ค่อยคมช่วงต้นเกม แต่พอถึงเวลาสำคัญพวกเขาก็มักทำสำเร็จเสมอ และหนึ่งในนั้นเป็นผลงานของ ลูกากู ดาวยิงร่างยักษ์จาก เชลซี ซึ่งได้โอกาสลงสนามช่วงการต่อเวลา แค่ 2 นาที เขาจ่ายให้ เควิน เดอบรอยน์ ซัดตีเสมอ จากนั้นนาที 105 ก็ทำสกอร์สุดสวยที่มีสิทธิ์ลุ้นประตูยอดเยี่ยมของรายการ ทำให้ เบลเยียม ที่อาการลูกผีลูกคนตลอดช่วง 90 นาทีแรก พลิกชนะ และผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
 

 มาริโอ เกิตเซ่ (เยอรมัน) เกมชนะ อาร์เจนตินา 1-0
 
 ออก สตาร์ทด้วยการเป็นตัวจริง 3 ใน 4 แมตช์แรก ก่อนเสียตำแหน่งตัวจริง แถมไม่ได้เล่นเลยสักนาทีในรอบตัดเชือก แต่ 25 นาทีที่ถูกส่งลงสนามเกมสำคัญอย่างรอบชิงฯ เกิตเซ่ สามารถขโมยหัวใจแฟนลูกหนังด๊อยท์ชทั่วโลก ด้วยการซัดประตูโทนของเกมในนาทีที่ 113 นำแชมป์เวิลด์ คัพ กลับสู่ประเทศบ้านเกิดของเขาเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี และชื่อของ เกิตเซ่ ก็ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกไปเรียบร้อยแล้ว
ข่าวฮอต
  ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก

ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก

แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
  • ตารางคะแนน
  • ดาวซัลโว
    • A
    • B
    • C
    • D
    • E
    • F
    • G
    • H
  • เรียงลำดับ นักฟุตบอล ทีม ประตูรวม(จุดโทษ)
เมือง&สนาม
ชิงอันดับฟุตบอลโลกที่ผ่านมา
  • ปี
  • ชนะเสิศ
  • รองชนะเสิศ
  • อันดับ 3