บทสรุปบอลโลก2014ทั้งเรื่องน่าจดจำและน่าลืม
14/07/2014 ขอบคุณ siamsportฟุตบอลโลก 2014 จบลงไปแล้ว และการแข่งขันคราวนี้มีหลายเหตุการณ์เป็นที่น่าจดจำทั้งเรื่องในสนาม และนอกสนาม บางเรื่องก็น่าชื่นชม หรือเป็นการเริ่มต้นสิ่งดีๆ แต่บางอย่างคือเรื่องอื้อฉาวที่ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง
- เป็นครั้งแรกที่มีผู้คนในประเทศเจ้าภาพรวมตัวประท้วงอย่างมากมาย ตั้งแต่ก่อนศึกฟุตบอลโลก จนกระทั่งถึงช่วงการแข่งขัน เพราะเห็นว่ารัฐบาลทุ่มงบประมาณไปกับทัวร์นาเมนต์นี้สูงถึง 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 349,800 ล้านบาท) ขณะประชากรส่วนใหญ่ยังขาดแคลนสาธารณูปโภค และบริการสาธารณะหลายอย่าง แถมไม่มีแผนรองรับด้วยว่าสนามกีฬาบางแห่งที่อยู่ในป่า จะเอาไปใช้ทำอะไรหลังจากนี้
- เป็นครั้งแรกที่การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย มีการใช้เทคโนโลยี โกล์ไลน์ เพื่อช่วยยุติข้อสงสัยว่าลูกบอลข้ามผ่านเส้นประตูไปอย่างสมบูรณ์แล้วหรือยัง ถูกพัฒนาขึ้นโดย วัวร์เซเล่น บริษัทเยอรมัน ใช้กล้องบันทึกภาพความเร็วสูงรวมกัน 14 ตัว ติดไว้บนหลังคา เพื่อจับความเคลื่อนไหวแบบ 3 มิติของลูกบอล นอกจากนี้ยังมีการใช้โฟมล่องหนที่จดสิทธิบัตรโดยนักประดิษฐ์บราซิล พ่นเพื่อกันนักเตะทั้งสองฝ่ายเอาเปรียบกันเวลาเตะฟรีคิก และรอยบนพื้นจะหายไปเองในเวลาไม่เกิน 1 นาที
- เป็นความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของตัวแทนจากเอเชีย คือ ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และ อิหร่าน หลังจากต่างตกรอบแรกด้วยฟอร์มอันย่ำแย่ เพราะไม่ชนะใครเลย แถมทั้ง 4 ทีมเก็บได้รวมกัน 3 แต้ม ยิง 9 เสียถึง 25 ประตู โดยเฉพาะ ออสเตรเลีย แพ้ 3 เกมรวด และโดนยิงเฉลี่ยแมตช์ละ 3 ประตู ขณะ ญี่ปุ่น กับ เกาหลีใต้ เมื่อ 4 ปีก่อน ยังเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายทั้งคู่ ส่วน อิหร่าน ยังไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้เลย จากการเข้ารอบสุดท้าย 4 ครั้ง
- เป็นหนึ่งในตัวเต็งดาวซัลโวสูงสุดของการแข่งขัน และถูกคาดหวังว่าจะพา อุรุกวัย เข้ารอบลึกๆเหมือนเมื่อ 4 ปีก่อน แต่ หลุยส์ ซัวเรซ กลับทำให้แฟนบอลต้องผิดหวังกับการไปกัดไหล่ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลัง อิตาลี จนกลายเป็นกระแส "งับฟีเวอร์" และถูกสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ สั่งห้ามรับใช้ชาติ 9 นัด และไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับวงการลูกหนัง 4 เดือน พร้อมกับสั่งปรับเงินอีกจำนวน 100,000 ฟรังก์สวิส (ประมาณ 3.5 ล้านบาท) ผลคือ อุรุกวัย ที่ไม่มี ซัวเรซ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
- เป็นม้ามืดประจำการแข่งขัน และน่าชมชมมากสุดทีมหนึ่ง คอสตาริกา ถูก มองว่าคงไม่รอดเมื่ออยู่กลุ่ม ดี หรือ "กรุ๊ป ออฟ เดธ" ที่มีอดีตแชมป์โลกถึง 3 ทีม แต่ พวกเขาสามารถซิวแชมป์กลุ่ม หลังชนะอุรุกวัย ,อิตาลี รวมถึงเสมอ อังกฤษ เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายครั้งแรกในรอบ 24 ปี ก่อนชนะ กรีซ จนเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศหนแรกในประวัติศาสตร์ แม้แพ้ ฮอลแลนด์ อดีตแชมป์ยุโรปอีกทีม หลังการดวลจุดโทษ แต่ คอสตาริกา ก็ชนะใจแฟนบอล เพราะตกรอบโดยไม่แพ้ใครใน 90 และ 120 นาที
- เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ แอลจีเรีย ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และชนะเกมในรอบสุดท้ายหนแรกในรอบ 32 ปี พวกเขาสามารถยันเสมอ เยอรมัน จนต้องต่อเวลา ก่อนจะแพ้ความเฉียบคมของขุนพลด๊อยท์ชไปแบบหวุดหวิด 1-2 อย่างไรก็ตาม วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช กับลูกทีม สมควรเป็นฮีโร่ของชาติ เพราะฟุตบอลโลกคราวนี้ แอลจีเรีย ซึ่งนักเตะหลายคนไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทำประตูได้มากกว่า โปรตุเกส ชอง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แถมมากกว่า อิตาลี กับ อังกฤษ ถึง 3 เท่า
- เป็นหายนะสำหรับ 3 ทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป เพราะ อังกฤษ จบการแข่งขันด้วยอันดับ 26 ต่ำสุดในทวีป ตกรอบแรกไปพร้อม สเปน และ อิตาลี อดีตแชมป์โลกอีก 2 ทีม โดย อังกฤษ กับ อิตาลี ยิงแค่ 2 ประตู ดีกว่า อิหร่าน, ฮอนดูรัส และ แคเมอรูน แค่ 3 ทีม สเปน ตกรอบแรกหนแรกใน 16 ปี อังกฤษ หนแรกในรอบ 56 ปี ส่วน อิตาลี ตกรอบแรก 2 สมัยซ้อน อย่างไรก็ตาม การคว้าแชมป์ของ เยอรมัน ทำให้ยุโรปเป็นทวีปแรกที่ครองแชมป์ฟุตบอลโลก 3 สมัยซ้อน (อิตาลี 2006 กับ สเปน 2010)
- เป็นการโชว์ฟอร์มที่แย่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของ บราซิล เพราะเสียถึง 14 ประตูในการทำศึกฟุตบอลโลกหนเดียว แถมรอบน็อคเอาต์เสีย 11 ประตู มากสุดอันดับ 2 ตลอดกาล รองจาก ออสเตรีย ชุดปี 1954 พวกเขายังแพ้คาบ้าน 2 เกมซ้อนครั้งแรกตั้งแต่ปี 1940 การขาด เนย์มาร์ ทำให้ทีม "แซมบ้า" แทบขาดใจ และ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ กุนซือชุดแชมป์โลกปี 2002 ต้องกลายเป็นแพะรับบาป หลังกลับมาคุมทีมชาติอีกครั้ง
- เป็นครั้งแรกของฟุตบอลโลกที่ใช้นักเตะมากถึง 23 คนในทัวร์นาเมนต์เดียว หลังจาก ฮอลแลนด์ ส่ง มิเชล ฟอร์ม ลงสนามไปแทน ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ช่วงท้ายเกมชิงอันดับ 3 พวกเขายังซัดรวมกัน 15 ประตู มากที่สุดในการเตะฟุตบอลโลกหนึ่งครั้ง เท่ากับชุดที่ได้รองแชมป์โลกปี 1974 กับ 1978 แถมยังเป็นครั้งแรกด้วยที่พวกเขาจบการแข่งขันฟุตบอลโลกโดยไม่แพ้ใครใน 90 และ 120 นาที
- เป็นสถิติใหม่เช่นกัน เมื่อ คลิ้นท์ เดมป์ซี่ พังตาข่าย กานา ตั้งแต่ 29 วินาทีแรก ในนัดเปิดสนามกลุ่ม จี ซึ่งพวกเขาชนะ 2-1 ทำให้กลายเป็นผู้ทำประตูเร็วที่สุดของ สหรัฐอเมริกา เป็นนักเตะรายแรกของทีมที่ทำประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 3 ครั้ง และเป็นเพียงผู้ทำประตูเร็วที่สุดอันดับ 5 ของการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยสถิติเร็วสุดเป็นของ ฮาคาน ซูเคอร์ กองหน้า ตุรกี ซึ่งทำไว้ 11 วินาที ในแมตช์ชิงอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2002
- เป็นเจ้าของรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน เพราะ ลิโอเนล เมสซี่ มีส่วนสำคัญที่ทำให้ทัพ "ฟ้า-ขาว" เข้าชิงฯฟุตบอลโลกหนที่ 5 ในคราวนี้ โดยซัดไป 4 ประตู จาก 7 นัด นับเป็นการทำผลงานในศึกฟุตบอลโลกที่ดีสุดของเขา เพราะลงเตะ 2 สมัยก่อนหน้านี้ทำได้เพียงประตูเดียวจาก 8 แมตช์ ตอนชนะ เซอร์เบีย 6-0 เมื่อปี 2006 แต่นี่คืออีกรายการที่เจ้าตัวยังไม่ได้แชมป์ นอกเหนือจากถ้วย โคปา อเมริกา
- เป็นคนแรกที่ทำให้เกิดคำว่า สวีปเปอร์-คีปเปอร์ สำหรับ มานูเอล นอยเออร์ นายทวารเยอรมัน ซึ่งออกมาสกัดบอลนอกกรอบเขตโทษถึง 21 ครั้ง ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ชนะ แอลจเรีย หลังการต่อเวลา 2-1 และเขาสามารถโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมได้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ โดยเสียแค่ 4 ประตูเท่านั้น จาก 7 แมตช์ จนทำให้ในที่สุดก็คว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมไปครอง
- เป็นผู้เล่นประวัติศาสตร์ไปเลย เมื่อ มิโรสลาฟ โคลเซ่ เมื่อทำได้ถึง 16 ประตูจากการเตะฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 24 นัด ประกอบด้วยการโหม่ง 7 ประตู, เท้าขวา 8 ประตู, เท้าซ้าย 1 ประตู เขาคือคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ทำแฮ็ตทริกในรอบสุดท้ายจากการโหม่งทั้งหมด และลงเตะรอบสุดท้ายฟุตบอลโลกมากสุดอันดับ 2 (24 นัด) รองจาก โลธ่าร์ มัทเธอุส (25) เพื่อนร่วมชาติ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ครองสถิติการยิงให้ทีมชาติ เยอรมัน มากที่สุดถึง 71 ประตู
- และสุดท้ายเป็นประวัติศาสตร์ของ เยอรมัน หลังทำสถิติทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกครั้งที่ 17 จากการเข้าร่วม 18 หน มีแค่ปี 1938 เท่านั้นที่ตกรอบแรก เป็นทีมแรกที่เข้ารอบตัดเชือก 4 สมัยซ้อน (2002-14) และเข้าชิงมากสุด 8 ครั้ง ล่าสุดพวกเขาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 4 มากสุดอันดับ 2 เท่ากับ อิตาลี รองจาก บราซิล สมัยเดียว และเป็นสมัยแรกในรอบ 24 ปี พวกเขาคือทีมแรกจากยุโรปที่สามารถบุกมาครองแชมป์ที่อเมริกาใต้ แถมเป็นหนแรกด้วยที่ เยอรมัน คว้าแชมป์โลกนอกทวีปยุโรป
ข่าวฮอต
ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก
แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
เมือง&สนาม
ชิงอันดับฟุตบอลโลกที่ผ่านมา
- ปี
- ชนะเสิศ
- รองชนะเสิศ
- อันดับ 3