6 นักเตะ เยอรมัน ชุดแชมป์โลกครั้งนี้มาจากชุดแชมป์ยุโรปยู-21 เมื่อปี 2009 ที่พวกเขาไล่ต้อน อังกฤษ 4-0 ในเกมรอบชิงชนะเลิศ ซึ่งประกอบไปด้วย มานูเอล นอยเออร์ (ผู้รักษาประตู), มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ (กองหลัง), เบเนดิคท์ โฮเวเดส (กองหลัง), เยโรม บัวเต็ง (กองหลัง), ซามี่ เคดิร่า (กองกลาง) และ เมซุต โอซิล (กองกลาง) ซึ่งทั้ง 6 คนนี้เป็นตัวจริงในเกมดังกล่าว และเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงฯ บอลโลก 2014 ที่ปราบ อาร์เจนตินา 1-0 ด้วย ยกเว้นแค่ในราย เคดิร่า ที่ดันเจ็บก่อนเริ่มเกมเท่านั้น
 
นักเตะชุดนี้ประสบความสำเร็จกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะ 5 ปีนับจากเกมนัดชิงที่มัลโม่ โอซิล ก็มาได้แชมป์ ลา ลีกา กับ เรอัล มาดริด ก่อนที่จะย้ายไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 42.4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,332 ล้านบาท)
 
ขณะที่ เคดิร่า ที่ตอนนี้ยังคงอยู่กับ "ราชันชุดขาว" ก็สามารถช่วยต้นสังกัดคว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้สำเร็จในฤดูกาลที่ผ่านมา ส่วน นอยเออร์ กับ บัวเต็ง ก็กำลังเล่นให้กับสุดยอดสโมสรของประเทศอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในขณะที่ ฮุมเมิ่ลส์ คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สำหรับในรายของ โฮเวเดส ก็เป็นตัวหลักที่ ชาลเก้ 04 
 
ในทางตรงกันข้าม อังกฤษ ชุดเด็กที่แพ้ เยอรมัน วันนั้น กลับมีแค่ เจมส์ มิลเนอร์ เพียงคนเดียวที่มีชื่อติดทัพ "สิงโตคำราม" ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2014 ก่อนจอดป้ายตั้งแต่รอบแรก ลองมาดูกันสิว่า ขุมกำลังนักเตะ อังกฤษ ที่ลงเล่นวันนั้น มีใครกันบ้าง และตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไรอยู่
 
  สกอตต์ โลช  (ร็อตเตอร์ดัม)
  นายทวารวัย 26 ปี เริ่มต้นชีวิตการเล่นกับ วัตฟอร์ด ก่อนย้ายซบ อิปสวิช ในปี 2012 จากนั้นเขาก็ย้ายมาเฝ้าเสาให้ทีมที่เพิ่งได้เลื่อนชั้นขึ้นมาอย่าง ร็อตเตอร์ดัม หลังจากที่เสียตำแหน่งโกลมือหนึ่งในทีม อิปสวิช ให้กับ ดีน เกอร์เค่น และเขาก็ไม่ได้เล่นในเกมระดับทีมชาติอีกเลย นับตั้งแต่นัดแพ้ เยอรมัน ในเกมรอบชิงฯ ยู-21 วันนั้น
 
  มาร์ติน เครนี่ (บาร์นสลี่ย์)
  แบ็กขวาผู้นี้ลงเล่นให้ทีมยู-21 มา 16 นัด และติดทีมครั้งสุดท้ายในปี 2009 เขาเคยเล่นเคียงข้างกับนักเตะอย่าง ธีโอ วัลค็อตต์ และ แกเร็ธ เบล ในทีมเยาวชนของ เซาธ์แฮมป์ตัน ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับ พอร์ทสมัธ และต่อด้วยต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง บาร์นสลี่ย์ ที่ตอนนี้โลดแล่นอยู่ในระดับ ลีก วัน
 
  ไมกาห์ ริชาร์ดส์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
  กองหลังร่างใหญ่วัย 25 ปีรายนี้ อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก มาตั้งแต่ปี 2005 แต่ฤดูกาลล่าสุดได้ลงเล่นเพียงแค่ 2 นัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ริชาร์ดส์ สามารถก้าวขึ้นสู่ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ได้ และมีสถิติลงเล่นไปแล้ว 13 นัด กระนั้นเขาก็ไม่ได้รับใช้ทีมอีกเลยนับตั้งแต่ปี 2012 แม้จะมีชื่อช่วยทีมสหราชอาณาจักร สู้ศึก โอลิมปิก ในปีดังกล่าวก็ตาม
 
  เนดุม โอนูโอฮา (ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส)
  โอนูโอฮา ซึ่งไม่ได้เล่นเกมระดับทีมชาติอีกเลยนับตั้งแต่เกมพ่าย เยอรมัน วันนั้น ก้าวขึ้นมาจากทืมเยาวชนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมีโอกาสได้รับใช้ทีมทั้งสิ้น 95 นัด ก่อนที่จะย้ายซบ ควีนส์ปาร์ค ในปี 2012 และถึงแม้ฤดูกาลก่อนมีส่วนช่วยทีมเลื่อนชั้นคืนสู่เวที พรีเมียร์ลีก แต่เขาก็ได้ลงเล่นแค่ 8 นัดเท่านั้น เพราะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวน
 
   คีแรน กิ๊บบ์ส (อาร์เซน่อล)
  กิ๊บบ์ส ถือเป็นแบ็กซ้ายตัวหลักของ อาร์เซน่อล และได้ลงเล่นรวมทุกรายการ 42 นัดในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับเจ้าตัว นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาจากทีมเยาวชน "ไอ้ปืนใหญ่" เมื่อปี 2007 เขารับใช้ทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2010 แต่จากนั้นก็ได้ลงเล่นอีกแค่ 2 นัด เพราะเจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงาน
 
   ลี แคทเตอร์โมล (ซันเดอร์แลนด์)
  ดาวเตะวัย 26 ปี กำลังเล่นอยู่กับ ซันเดอร์แลนด์ ซึ่งเป็นทีมที่เขาอยู่ยาวนับตั้งแต่ย้ายมาจาก วีแกน เมื่อปี 2009 เขารับใช้ทีมชาติอังกฤษ ยู-21 ทั้งสิ้น 16 นัด แต่ยังไม่เคยมีโอกาสในทีมชุดใหญ่เลย
 
   ฟาบริซ มูอัมบ้า (เลิกเล่น)
  รับใช้ทีมชาติอังกฤษ ยู-21 มากถึง 33 นัด โดยนัดสุดท้ายเกิดขึ้นในปี 2011 กระนั้น มูอัมบ้า วัย 26 ปี ก็ได้รีไทร์จากอาชีพพ่อค้าแข้งเมื่อเดือนมีนาคมปีต่อมา หลังจากที่เกิดอาการหัวใจหยุดเต้นระหว่างเกม เอฟเอ คัพ นัดที่เขาช่วย โบลตัน ดวลกับ สเปอร์ส
 
  มาร์ค โนเบิ้ล (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด)
  กองกลางวัย 27 ปีผู้นี้ เป็นถึงกัปตันทีมชาติอังกฤษ ยู-21 ชุดสู้ศึกชิงแชมป์ยุโรป แต่ไม่เคยได้สัมผัสกับบรรยากาศในทีมชุดใหญ่เลยสักครั้ง เขาอยู่กับ เวสต์แฮม มาตั้งแต่ปี 2004 และลงเล่นในเกม พรีเมียร์ลีก ครบทั้ง 38 นัดเมื่อฤดูกาลก่อน
 
  เจมส์ มิลเนอร์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) 
  ดาวเตะวัย 27 ปีรายนี้ ถือเป็นแข้งจากทีมชาติอังกฤษ ยู-21 ชุดดังกล่าว ที่ประสบความสำเร็จมากทื่สุด โดยเขาได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังย้ายมาจาก แอสตัน วิลล่า ด้วยค่าตัว 26 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,430 ล้านบาท) เมื่อปี 2010 และจนถึงตอนนี้เขารับใช้ทัพ "สิงโตคำราม" ชุดใหญ่ไปแล้วทั้งสิ้น 48 นัด และเป็นหนึ่งใน 23 ขุนพลชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิลด้วย ซึ่งเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มที่เสมอกับ คอสตาริกา 0-0
 
  ธีโอ วัลค็อตต์ (อาร์เซน่อล)
  เหมือนกับในรายของ มิลเนอร์ วัลค็อตต์ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ได้ และก็คงจะมีชื่อติดทีมไป บราซิล ด้วย หากไม่เจอปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่าเล่นงาน โดยกองหน้าฝีเท้าจรวดวัย 25 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้เล่นกำลังสำคัญของ อาร์เซน่อล ลงเล่นให้ทัพ "สิงโตคำราม" ไปแล้วทั้งสิ้น 36 นัด และทำประตูใส่ สวีเดน ในศึก ยูโร 2012 ได้ด้วย
 
   อดัม จอห์นสัน (ซันเดอร์แลนด์)
  ถือเป็นอีกคนที่สามารถก้าวขึ้นมาติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ได้ โดยลงเล่นไปแล้วทั้งสิ้น 11 นัด แต่ก็หายหน้าจากทีมไปนับตั้งแต่ปี 2012 จอห์นสัน ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาเล่นให้กับ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อ 2 ปีก่อน และปัจจุบันเขาคือกำลังสำคัญของทัพ "แมวดำ" ด้วยฟอร์มอันโดดเด่นในช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้เขามีลุ้นติดทัพ "สิงโตคำราม" ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2014 แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับโอกาสนั้นจากกุนซือ รอย ฮ็อดจ์สัน
 
  สำรอง
  แจ็ค ร็อดเวลล์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
  เขาได้รับโอกาสลงเล่นแทน ฟาบริซ มูอัมบ้า ในเกมนัดชิงฯ เมื่อปี 2009 ก่อนที่จะก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้เมื่อปี 2012 และได้รับโอกาสรับใช้ชาติทั้งสิ้น 3 นัด ร็อดเวลล์ ย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาร่วมก๊วน แมนฯ ซิตี้ เมื่อปี 2012 แต่ด้วยปัญหาบาดเจ็บที่รุมเร้ามาตลอดทำให้เขามีโอกาสลงเล่นให้ทีมแค่ 26 นัดเท่านั้น โดยเป็น 10 นัดจากฤดูกาลที่แล้ว
 
  ไมเคิ่ล มานเซียนน์ (ฮัมบูร์ก)
  มานเซียนน์ ซึ่งเกมดังกล่าวได้ลงเล่นแทน เนดุม โอนูโอฮา รับใช้ทีมชาติอังกฤษ ยู-21 มากถึง 30 นัด โดยหมวกใบสุดท้ายได้มาในปี 2009 เขาเป็นนักเตะที่ก้าวขึ้นมาจากทีมเยาวชนของ เชลซี ซึ่งระหว่างนั้นก็ถูกปล่อยตัวให้ ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ยืมใช้งาน ก่อนที่จะเก็บข้าวของย้ายไปค้าแข้งในเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน กับ ฮัมบูร์ก เมื่อปี 2011
 
  เคร็ก การ์ดเนอร์ (เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน) 
  กองกลางวัย 27 ปี ได้ลงเล่นแทน มาร์ติน เครนี่ ในเกมดังกล่าว แต่จากนั้นเขาก็ไม่มีโอกาสได้เล่นในเกมระดับทีมชาติอีกเลย