"เดลี่เมล์" สื่อดังของอังกฤษ ออกมาประโคมข่าวว่า อุรุกวัย กับ อาร์เจนคือตัวเต็งที่จะได้เป็นเจ้าภาพร่วมกันในศึกฟุตบอลโลก 2030 ขณะที่ปี 2026 สหรัฐอเมริกา คงได้สิทธิ์จัดการแข่งขันไปแบบไร้คู่แข่ง

ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสออกมาแล้วว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) อยากฉลองวาระที่ฟุตบอลโลกมีอายุครบ 1 ศตวรรษ ด้วยการกลับไปเตะกันใน อุรุกวัย ซึ่งเป็นเจ้าภาพการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปี 1930 แถมจะได้จัดร่วมกับ อาร์เจนตินา ตามข้อตกลงที่ทั้งสองประเทศเซ็นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้ง สหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (คอนเมบอล) ประกาศให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยพวกเขาก็คือ 2 ทีมคู่ชิงฯฟุตบอลโลก 1930 และ อุรุกวัย เป็นฝ่ายชนะ 4-2 คว้าแชมป์สมัยแรกไปครอง
 
ล่าสุด "เดลี่เมล์" ก็ยอมรับว่าประเทศ อังกฤษ ของพวกเขา คงต้องรอคิวไปอีกนาน เพราะประเทศที่น่าจะได้เป็นเจ้าภาพ 2030 คือ อุรุกวัย กับ อาร์เจนตินา ถึงแม้จะเกิดเรื่องอื้อฉาวของ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ที่ไปกัดคู่แข่งในศึกฟุตบอลโลก 2014 และ โฆเซ่ มูยิก้า ประธานาธิบดีของประเทศดังกล่าว ยังโจมตี ฟีฟ่า ด้วยถ้อยคำรุนแรง หลังมีคำสั่งลงโทษดาวเตะเลือดร้อนตามมา โดยก่อนหน้านี้ อุรุกวัย ก็มีโอกาสน้อยที่จะกลับมาเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก เพราะตอนจัดครั้งแรกยังเป็นประเทศเล็ก มีประชากรน้อย แต่เมื่อมี อาร์เจนตินา เข้ามาร่วมด้วย ทำให้พวกเขากลายเป็นตัวเต็งทันที ถึงแม้ ฟีฟ่า ไม่อยากให้มีเจ้าภาพร่วมเหมือนปี 2002 ที่เกาหลีใต้ กับ ญี่ปุ่น ร่วมกันจัดมาแล้ว
 
ขณะ สหรัฐอเมริกา ก็มีสิทธิ์ได้จัดฟุตบอลโลกปี 2026 ตามหลัง รัสเซีย กับ กาตาร์ ที่ได้เป็นเจ้าภาพปี 2018 และ 2022 ตามลำดับ โดยเร็วที่สุดที่ อังกฤษ จะได้จัดฟุตบอลโลก "เดลี่เมล์" เชื่อว่าคงเป็นปี 2034 แต่ก็มีคู่แข่งสำคัญอย่าง ฮอลแลนด์ ซึ่งยังไม่เคยเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกมาก่อน โดยพวกเขาอาจขอจัดการแข่งขันร่วมกับ เบลเยียม เหมือนตอนเป็นเจ้าภาพ ยูโร 2004 นอกจากนั้น ฟีฟ่า ยังอาจให้โอกาส จีน ในปี 2034 ด้วย หากพวกเขามีความพร้อมมากพอ เพราะเรื่องจำนวนประชากร และการตลาดไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว