รัสเซีย (แชมป์กลุ่มเอฟ รอบคัดเลือก)
นักเตะหลัก
อิกอร์ เดนิซอฟ (ดินาโม มอสโก)
ผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
อันดับสี่ - สมัยสหภาพโซเวียต (1966)
หลังจากพลาดการไปเล่นรอบสุดท้ายในฟุตบอลโลกสองครั้งก่อนหน้านี้ ในที่สุด รัสเซียก็จะได้ไปพิสูจน์ตัวเองในทัวร์นาเมนต์อันยิ่งใหญ่อีกครั้งที่บราซิล ตั้งแต่ในช่วงต้นทศวรรษ 90 เมื่อครั้งที่เกิดการสลายตัวของสหภาพโซเวียต ทีมที่เคยฝากผลงานเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเวิลด์ คัพ 3 ครั้ง รวมถึงรอบตัดเชือกในปี 1966 รัสเซียก็เพิ่งจะได้ไปฟุตบอลโลกแค่สองหน จากโอกาสทั้งหมด 5 ครั้ง โดยความพยายามครั้งล่าสุดจบลงด้วยความขมขื่น เมื่อทีมของ กุส ฮิดดิ้งค์ ถูกสโลวีเนียเขี่ยตกรอบเพลย์ออฟด้วยกฎอะเวย์โกล
ครั้งนี้ ความล้มเหลวในอดีตถือว่ายากที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา ภายใต้การทำทีมที่เข้มงวดของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ที่ได้รับแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นนายใหญ่ หลังทีมกระเด็นตกรอบแบ่งกลุ่มในยูโร 2012 ทีมจากทางยุโรปตะวันออก ก็ลงเล่นรอบคัดเลือกหนนี้ด้วยความเชื่อมั่นที่มีเพิ่มมากขึ้น ฝีไม้ลายมือของอดีตกุนซือทีมชาติอังกฤษ ได้ถูกถ่ายทอดออกมาให้เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วกัน จากการที่ทีมหมีขาวเสียไปเพียง 5 ประตูเท่านั้น
ตลอดรอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม คาเปลโล่ ให้ความไว้เนื้อเชื่อใจในกลุ่มนักเตะตัวหลักๆ ของเขาอย่างเต็มที่ และได้เสริมสร้างให้ทีมชุดนี้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีก กองหน้าอย่าง อเล็กซานเดอร์ เคอร์ชาคอฟ ยังคงเป็นดาวซัลโวสูงสุดประจำทีม จากการยิงไป 5 ลูกในกลุ่ม เอฟ ขณะที่ตู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช กับ วาซิลี่ เบเรซุตสกี้ ก็เป็นกุญแจสำคัญที่สร้างสถิติเกมรับอันเหนียวแน่นให้กับรัสเซีย พวกเขายังมีงานที่ต้องไปสานต่อในรอบสุดท้าย ซึ่งความแข็งแกร่งที่มีมากขึ้น นั่นจะทำให้รัสเซียกลายเป็นทีมที่น่ากลัวที่บราซิลแน่
กุนซือ ฟาบิโอ คาเปลโล่
เทรนเนอร์จอมเฮี้ยบชาวอิตาเลียน เคยพาทีมใหญ่ๆ ระดับสโมสรคว้าแชมป์มานับไม่ถ้วน ทั้งเอซี มิลาน, โรม่า, ยูเวนตุส รวมถึงเรอัล มาดริด ในสเปน โดยแม้จะพาอังกฤษไปไม่ถึงดวลดาวในแอฟริกาใต้ 2010 แต่ชื่อเสียงในเรื่องฝีมือคุมทีมของเขาก็ยังคงไม่เสื่อมสลายไปไหนทั้งสิ้น
- นักเตะ