นักเตะหลัก
วิลสัน ปาลาซิออส (สโต๊ค ซิตี้)

ผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
Group stage (1982, 2010)

ฟอร์มอันแข็งแกร่งในบ้าน รวมถึงชัยชนะสำคัญเหนือเม็กซิโก ทำให้ฮอนดูรัสได้ไปรายงานตัวในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นหนที่สองติดต่อกัน แม้ว่าจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ตลอด 3 เกมเยือนแรกในรอบคัดเลือก รอบสุดท้าย ทีมลอส กาตราชอส ก็มาได้ชัยในความพยายามครั้งที่สี่ ด้วยการบุกไปปราบเม็กซิโก 2-1 ถึงเอสตาดิโอ อัซเตก้า จนมาถึงในเกมรองสุดท้าย ที่พวกเขาสามารถเฉือนทีมที่เข้ารอบไปแล้วอย่างคอสตาริกาได้ 1-0 หมายความว่าในอีกนัดที่เหลือขอแค่เพียงแต้มเดียวพอในการไปเยือนจาเมกา ทีมก้นตารางเพื่อจองพื้นที่ไปบราซิลอัตโนมัติ

ทีมของ หลุยส์ เฟร์นานโด ซัวเรซ เจอกับเส้นทางการคัดเลือกที่ง่ายกว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วอย่างชัดเจน เพราะในปี 2009 พวกเขาต้องพึ่งประตูตีเสมอคอสตาริกาของสหรัฐฯ ในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 ที่มันผลักให้ฮอนดูรัสได้ไปบอลโลกแบบอัตโนมัติแทน อย่างไรก็ตาม การผจญภัยที่แอฟริกาใต้ของพวกเขามันก็มีเวลาเพียงสั้นๆ เมื่อบรรดาเพื่อนร่วมกลุ่ม เอช อย่าง ชิลี, สวิตเซอร์แลนด์ และสเปน ทีมแชมป์ช่วยกันส่งให้พวกเขากลับบ้านด้วยเครื่องบินลำแรก ซึ่งมันเป็นผลลัพธ์เดียวกับการไป เวิลด์ คัพ ครั้งแรกของพวกเขา ในปี 1982

จากนั้นเป็นต้นมา ภายใต้การทำทีมของซัวเรซ กุนซือชาวโคลอมเบียน ฮอนดูรัสก็สามารถคว้าแชมป์เซนทรัล แอฟริกัน คัพ ได้เป็นครังแรกตั้งแต่ปี 1995 และยังเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในศึกคอนคาเคฟ โกลด์ คัพ ทั้งในปี 2011 และ 2013 นักเตะที่เป็นแกนหลักในช่วงนี้ก็ประกอบไปด้วย วิลสัน ปาลาซิออส กองกลางตัวแกร่ง, ปีกไดนาโมอย่าง โรเจอร์ เอสปิโนซ่า และ เจอร์รี่ เบงท์สัน กองหน้าที่จะต้องจำเป็นระเบิดฟอร์มยิงประตูเหมือนที่ผ่านๆ มาให้ได้อีกครั้งที่บราซิล

กุนซือ หลุยส์ เฟร์นานโด ซัวเรซ

อดีตปราการหลังรายนี้เริ่มฝึกฝีมือในการคุมทีมกับหลายสโมสรในโคลอมเบียบ้านเกิด เขาพาเอกวาดอร์ไปลุย เวิลด์ คัพ 2006 มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นก็ไปโดนทีเด็ดจากลูกฟรีคิกของ เดวิด เบ็คแฮม เป็นเหตุให้ต้องตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะมารับงานที่ฮอนดูรัสในปี 2011