ปัญหาเยอะขนาดนี้ แข้งทีมชาติไทย จะเอาอะไรไปชนะเขา!!!
06/02/2013 By ไทยรัฐ
กลายเป็นประเด็นที่แฟนบอลให้ความสนใจ และติดตามกันอย่างต่อเนื่องตลอดหลายวันที่ผ่านมา สำหรับการเตรียมพร้อมสู้ศึกฟุตบอล เอเชียน คัพ 2015 รอบคัดเลือก ซี่งจะเริ่มรูดม่าน เปิดฉากฟาดแข้งกัน นัดแรก ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ โดยทีมชาติไทยจะรับการมาเยือนของ คูเวต
แต่แฟนบอลหลายคน อาจรู้สึก "เอือมระอา" และ "ถอดใจ" กับโอกาสที่จะคว้าชัยกันไปแล้ว แม้ว่าเกมยังไม่เป่านกหวีดแข่งขัน จากปัญหาเล็กๆ "ระดับเด็กอนุบาล" แต่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก็สามารถทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้!!!
1. ปัญหาการเก็บตัว-อุ่นเครื่อง
เรียกได้ว่า นี่แทบจะเป็นปัญหาเรื้อรังของทีมชาติไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งใครจะไปเชื่อว่า ก่อนที่เราต้องทำศึกลูกหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเอเชีย ทีมไทยกลับมีเวลาเก็บตัวจริงจังไม่ถึง 1 สัปดาห์ แถมวันแรกก็มาไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ เพราะนักเตะจากทีมดังของไทยลีกติดอุ่นเครื่องกันจ้า!!
สงสัย ส.บอลไทย ลืมไปหรือเปล่าว่านี่ "ทีมไทย" ไม่ใช่ "สเปน" จะได้ให้มาเก็บตัวปุ๊บปั๊บ ไม่ต้องซ้อมเข้าใจแท็กติกอะไรเลย แล้ววิ่งลงไปเตะๆ เพื่อสุขภาพ ในทางกลับกัน นี่มันเป็นทัวร์นาเมนต์ที่ยาก, ลำบาก, และต้องการ "ความเป็นมืออาชีพสูงสุด" สำหรับการเตรียมตัว
แน่นอน ก่อนหน้านี้เราน่าจะมีการเตรียมตัวได้ยาวนานกว่า หากใช้รายการ "คิงส์ คัพ" ให้เป็นประโยชน์ ในการเจอกับทีมชั้นนำอย่าง ฟินแลนด์, สวีเดน และเกาหลีเหนือ แต่เพราะขุมกำลังที่เรียกเข้ามาเป็นผู้เล่นดาวรุ่งและหน้าใหม่ซะเป็นส่วนใหญ่ (ไม่ว่าจะเนื่องจากสาเหตุใดๆ ก็แล้วแต่) ทำให้ทีมชุดใหญ่ไม่ได้รับประโยชน์สูงสุด
แล้วยังลามทุ่ง เกมอุ่นเครื่องที่วางคิวให้แฟนบอลดีใจเก้อ เจอกับทีมแกร่งของอาหรับ ยูเออี ซึ่งหากแมตช์นี้เกิดขึ้นจริง ส.บอลไทย ก็คงได้รับเสียงชมไม่มากก็น้อย แต่ไปๆ มาๆ ทางยูเออี เปลี่ยนแปลงโปรแกรมกะทันหัน ย้ายสังเวียนไปเตะที่เมืองจีน ซึ่งทีมไทยต้องทำวีซ่า และเอกสารเดินทางต่างๆ จึงเป็นที่มาของการยกเลิกโปรแกรม ด้วยเหตุผล "เตรียมตัวไม่ทำ" จนต้องกระเสือกกระสน ต้องไปขอทีมราชบุรี มิตรผล เอฟซี อุ่นเครื่องแทน (แถมแพ้ให้ดูอีกต่างหาก เอาสิ!!)
2. ปัญหา "เชเฟอร์" กับ "สื่อ"
ต้องยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลังจาก เชเฟอร์ ไม่สามารถพาทีมไทย คว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2012 ได้ตามที่ให้สัญญา ก็ทำให้เขาโดนสื่อวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร โดยเฉพาะเรื่องของค่าจ้างที่แพงลิบลิ่ว แต่กลับไม่มีถ้วยแชมป์ใดๆ ติดมือมาให้เฉยชมเลย ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา กระทั่งเกิดกระแส ส.บอลไทย เตรียมพิจารณาปลดเขาออกจากตำแหน่ง จนทำให้ เชเฟอร์ ถึงกับ "ปรี๊ดแตก" ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงเลยทีเดียว
เชเฟอร์ ออกมาตอบโต้คำวิจารณ์ของสื่อที่พากันใส่สีตีไข่เรื่องอนาคตของเขากันอย่างสนุกสนาน รวมถึงการกล่าวหาว่า เขาหวังใช้เฟซบุ๊กตนเองเรียกคะแนนสนับสนุนจากแฟนบอล เพื่อรักษาเก้าอี้กุนซือตนเอง และล่าสุดปัญหาปีนเกลียวกันระหว่างเขา กับ "กิตติรัตน์ ณ ระนอง" ผู้จัดการทีม ที่สั่งให้เลื่อนการเก็บตัวจนเขาไม่พอใจ เพราะทำให้โปรแกรมซ้อมต้องล่าช้าออกไป 3 วัน จากวันที่ 29 ม.ค. มาเป็นวันที่ 1 ก.พ. แทน
โดย "โค้ชวินนี่" ได้โพล่งถึงตัวการที่ปล่อยข่าวออกมาอย่างไม่แคร์สื่อ พร้อมกับยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขา กับ "บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายก ส.บอลไทย ยังแน่นปึ้ก และยังมีโปรเจกต์ทำงานร่วมกันอีกนาน ขณะเดียวกันก็ได้เคลียร์ปัญหาคาใจกับ นายกิตติรัตน์ เรียบร้อยแล้ว แต่เชื่อว่าจบเรีื่องราวนี้ ปัญหาระหว่างเขา กับสื่อเมืองไทย คงยังไม่จบตามแน่นอน
3. ปัญหาอลเวง โทษแบน "ลีซอ-แป๊ะ"
งานนี้คงต้องโทษทีมงานด้านข้อมูลของ ส.บอลไทย ที่นอกจากจะไม่ช่วยแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหามากขึ้น เพราะแทนที่จะแม่นยำ กฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ แต่กลับไม่รู้เรื่องเลยว่า นักเตะของทีมได้รับโทษแบนกี่นัด ซึ่งกรณีนี้เราเคยเห็นบทเรียนมาแล้ว ระหว่างศึกปรีโอลิมปิก ที่ทีมไทยส่งนักเตะติดโทษลงเล่น จนทำให้โดนปรับแพ้ไปในที่สุด หรือเรียกเอาคนที่ติดโทษแบน ไม่มีสิทธิ์เล่น มาติดทีม เป็นต้น
และกรณีของลีซอ ทีมงานควรจะต้องมีบันทึกประวัติรายงานการแข่งขันต่างๆ เอาไว้ให้แน่ชัด ไม่ใช่คิดเอง หรือไม่ก่อนแข่งก็ควรต้องเช็กข้อมูลทำการบ้านล่วงหน้า ไม่ใช่ว่าตอนแรกได้เรียกตัว ลีซอ เพื่อหวังล้างโทษแบน เพราะคิดว่าโดนแค่ 2 นัด จากการถูกไล่ออก ในเกมนัดสุดท้าย แพ้ โอมาน 0-2 ศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก แต่ไปๆ มาๆ ก็กลับเพิ่มเป็น 4 นัด เพราะทำฟาวล์ชักศอกรุนแรงใส่คู่แข่ง
เคลียร์เรื่องใบแดงของลีซอได้ไม่ทันไร ปัญหาใหม่ก็เข้ามา เมื่อ "แป๊ะ" พิชิตพงษ์ เฉยฉิว โดยระบุว่า จะต้องติดโทษแบนไปด้วยอีกคนจากใบเหลืองที่สะสม จากศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก แต่ล่าสุด ปรากฏว่า มิดฟิลด์จากเมืองทองฯ จะกลับมาลงเล่นได้ไม่มีปัญหา เมื่อฟีฟ่ายืนยันว่า เป็นฟุตบอลคนละรายการ และไม่นับการลงโทษต่อเนื่อง อย่างการฟาวล์รุนแรงของ ลีซอ ที่ให้ลงโทษต่อเนื่องทันที
4. ปัญหา สนามราชมังคลากีฬาสถาน ไม่สมบูรณ์
เรื่องการเตรียมทีมก็ว่าวุ่นวายอิรุงตุงนังพออยู่แล้ว แต่ก็ต้องมาเพลียกับการจัดการ ส.บอลไทย อีก เกี่ยวกับสังเวียนการแข่งขัน ซึ่งขาดการประสานงานกับผู้ดูแลรับผิดชอบอย่างไม่น่าให้อภัย หลังจากผู้จัดการสนามราชมังคลากีฬาสถาน ออกมาเผยว่า ไม่ทราบเรื่องมาก่อนว่า จะมีโปรแกรมฟุตบอลเตะวันที่ 6 ก.พ.นี้ ทำให้ไม่ได้ดูแลสนามให้สมบูรณ์
และเมื่อเวลากระชั้นชิดเข้ามา จะทำไงได้ล่ะ ก็มีคนไอเดียบรรเจิด ด้วยการเอาสเปรย์มาพ่นให้เป็นสีเดียวกับหญ้าที่เสียหายให้ดูกลมกลืนไปเสียเลย ที่ตลกกว่าคือ เอเอฟซี มาตรวจก็บ้าจี้อนุญาตให้ใช้ได้ เพราะทางคูเวตไม่ว่าไร (แล้วมาตรฐานมันอยู่ตรงไหนเนี่ย?)
เห็นอย่างนี้แล้วก็อดขายหน้าแทนชาวไทยไม่ได้จริงๆ ที่สนามฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย กลับตกอยู่ในสภาพดูไม่จืด แล้วแทนที่การได้เล่นเป็นเจ้าบ้านจะได้เปรียบ แต่สนามก็กลับไม่สมบูรณ์อย่างนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะส่งผลต่อการเล่นของทีมไทยมากน้อยแค่ไหนเหมือนกัน
5. ปัญหา การเปิดขายตั๋วเข้าชมก่อนเตะวันเดียว
ไม่ต้องมีเวลาให้ประชาสัมพงประชาสัมพันธ์อะไรทั้งนั้น เมื่อ ส.บอลไทย เปิดให้มีการจอง, ซื้อตั๋วเข้าชมการแข่งขันคู่ของไทย กับ คูเวต ในวันที่ 5 ก.พ. หรือก่อนแข่งแค่วันเดียว ทั้งๆ ที่โปรแกรมนี้เรารู้กันมาข้ามเดือนข้ามปีกันแล้ว แต่เหตุใดถึงไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าให้ดีกว่านี้ ทั้งๆ ที่แฟนบอลลุ้นกันตัวเกร็งมานานว่าเมื่อไหร่จะประกาศขายบัตรมานานแล้ว
บางทีด้วยระยะเวลาแค่หนึ่งวัน อาจทำให้คนเตรียมตัวไม่ทัน และอาจส่งผลต่อจำนวนแฟนบอลที่จะเข้าไปชมในสนามราชมังฯ ความจุกว่า 5 หมื่นที่นั่งพอสมควร (สนามเต็มครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นึกไม่ออกเหมือนกัน) ซึ่งก็ภาวนาว่า อย่าให้วันนั้นเราได้เห็นสภาพอัฒจันทร์โล่งเลย ภาพที่ปรากฏออกมาจะยิ่งหดหู่เข้าไปอีก นอกจากสภาพสนามที่เราเห็นกันแล้ว
ดังนั้น บอกได้คำเดียวว่า ท่ามกลางการทำงานที่ยากลำบากเช่นนี้ถ้าทีมไทยสามารถคว้าชัยเหนือคูเวตได้ในวันที่ 6 ก.พ.นี้ ก็ต้องยกเครดิตให้กับพวกเขาไปเต็มๆ...แต่หากเกิด พลาดเสมอ หรืออย่างร้ายที่สุด แพ้คาบ้าน ต้องถือว่าเป็นผลงานที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น เราอาจไม่ได้แพ้คู่ต่อสู้ แต่เป็นเพราะพวกเรา "แพ้ภัยตัวเอง" มากกว่า.
ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก
แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
- ปี
- ชนะเสิศ
- รองชนะเสิศ
- อันดับ 3