หนึ่งในประเด็นฮอตซึ่งพูดถึงกันทุกครั้งที่มีทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลรายการใหญ่ ก็คือเรื่อง "บนเตียง" ที่ทุกวันนี้ยังเถียงกันไม่จบว่าการมี "เซ็กซ์" ก่อนหรือหลังลงสนามนั้นส่งผลดีกับนักเตะหรือไม่ อย่างไร

บ้างก็บอกว่ากิจกรรมในร่มช่วยให้นักกีฬากระชุ่มกระชวย แต่บางคนมองว่าจะทำให้หมดแรงเสียมากกว่า ขนาดยกทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาถกกันแล้วก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี สุดท้ายจึงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของกุนซือแต่ละคนว่าจะอนุญาตให้ลูกทีมตัวเอง ได้กุ๊กกิ๊กกับเหล่า "แวกส์" ที่ตามไปเชียร์หรือเปล่า

สำหรับเวิลด์คัพหนนี้ ทีมที่ออกกฎห้ามนักเตะมีกิจกรรมทางเพศระหว่างแข่งอย่างชัดเจนคือ ชิลี, เม็กซิโก และ บอสเนีย โดยเฉพาะ 2 ชาติหลังซึ่งโค้ชให้สัมภาษณ์ไว้อย่างเผ็ดร้อนตั้งแต่ก่อนแข่ง

มิเกล เอร์เรร่า กุนซือทีมจังโก้ บอกว่า ถ้าทนสัก 1 เดือน หรือ 20 วันไม่ไหว ก็แสดงว่านักเตะเหล่านั้นไม่มีความเป็นมืออาชีพเพียงพอ ขณะที่ ซาเฟ็ต ซูซิช ของบอสเนีย บอกว่า บอลโลก ไม่ใช่การไปเที่ยวพักผ่อน ถ้าเกิดมีอารมณ์ขึ้นมา ลูกทีมต้องหาทางออกด้วยวิธีอื่น จะช่วยตัวเองก็ยังได้!

ส่วนรัสเซีย แม้ไม่ได้ห้ามแบบเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เนื่องจากเหล่าหลังบ้านไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปบราซิลด้วย จึงเหมือนโดนสั่งงดไปโดยปริยาย

ขณะที่ทีมอื่นๆ อาทิ สหรัฐอเมริกา, สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี, อังกฤษ และที่เหลือเกือบทั้งหมด ต่างก็ไฟเขียวให้นักเตะมีอิสระในการหาความสุขยามค่ำคืน โดยมีบางทีมที่ติดหมายเหตุ "เงื่อนไข" การประกอบกิจกรรมเอาไว้เล็กน้อย

อย่างเยอรมนี กับ สเปน ยอมให้นักเตะมีเซ็กซ์ได้ยกเว้นคืนก่อนแข่ง ส่วน ฝรั่งเศส ห้ามหักโหมกันทั้งคืน ขณะที่ ไนจีเรีย จะยอมให้มีสัมพันธ์ได้เฉพาะกับ "ภรรยา" ถ้าสถานะเป็นแค่ "แฟน" ก็อดสถานเดียว

ขณะที่คอสตาริกา จะอนุญาตให้นักเตะมีเซ็กซ์ได้ต่อเมื่อสามารถผ่านเข้ารอบสองได้แล้วเท่านั้น ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่า กฎดังกล่าวเป็นที่มาของผลงานสุดเซอร์ไพรส์ของทีมกล้วยหอมซึ่งพิชิตได้ทั้ง อุรุกวัยและอิตาลี จนผ่าน "กรุ๊ป ออฟ เดธ" สู่รอบต่อไปได้หรือเปล่า?

สุดท้ายคือ เจ้าภาพ บราซิล ที่นายใหญ่ หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ ให้สัมภาษณ์ชวนอมยิ้มเอาไว้ว่า "ลูกทีมผมมีเซ็กซ์แบบปกติได้ครับ คือทำตามแบบธรรมดาๆ ทั่วไป เพราะมันมีบางคนที่ชอบท่ากายกรรมโลดโผนนี่สิ"