ลิโอเนล เมสซี่ ยังคงเป็นทีเด็ดในแนวรุก เมื่อซัด 2 ประตู พา "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา เชือด ไนจีเรีย แบบมันส์พะยะค่ะ 3-2 ซิวชัยสามเกมรวด คว้าแชมป์กลุ่มเอฟ รอพบกับที่สอง กลุ่มอี รอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ "อินทรีมรกต" เตรียมปะทะแข้งแชมป์กลุ่มอี ศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ นัดสุดท้าย เมื่อคืนวันพุธที่ 25 มิถุนายน ที่ผ่านมา

        "อินทรีมรกต" ไนจีเรีย ต้องการผลเสมอเป็นอย่างน้อยในเกมนี้ วาง จอห์น โอบี มิเคล คุมเกมแดนกลาง ส่วนแนวรุกส่ง ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้, เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้, อาห์เหม็ด มูซ่า เป็น 3 ประสานในแดนหน้า ส่วน ทีม "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา ที่แม้ผ่านเข้ารอบไปแล้ว แต่ก็ยังจัดทัพใหญ่ลงสนาม โดยแนวรุกยังนำโดย ลิโอเนล เมสซี่ ทำเกมอยู่ข้างหลังคู่หัวหอก กอนซาโล่ อิกวาอิน, เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน

       เริ่มเกมมา3นาที ทีมฟ้าขาว ออกนำอย่างรวดเร็ว เมื่อ ดิ มาเรีย ได้บอลวางยาวมาจากกลางสนาม ก่อนซัดมุมแคบ วินเซนต์ เอ็นเยียมา ปัดบอลไปชนเสา แล้วกระเด้งมาเข้าทางปืนของ ลิโอเนล เมสซี่ ซัดเต็มข้อด้วยเท้าซ้าย เสยคานเข้าไปอย่างสวยงาม พร้อมทั้งเป็นการฉลองอายุครบครบ 27 ปี เมื่อวานที่ผ่านมา อาร์เจนติน่า ขึ้นนำเร็ว 1-0

      ถัดมานาทีเดียว ไนจีเรีย ทำช็อก ตีเสมอ 1-1 ทันควัน จากลูกเขี่ยเริ่มเล่นกลางสนาม แข้ง "อินทรีมรกต" โยนบอลยาวให้ อาห์เหม็ด มูซ่า วิ่งควบแซงแนวรับ "ฟ้าขาว" เข้าไปในเขตโทษ ก่อนเลื้อยหลบหนึ่งจังหวะ แล้วปั่นด้วยขวาทันที บอลผ่านมือ เซร์คิโอ โรเมโร่ โค้งเสียบหน้าต่างเสาสอง เข้าไปอย่างสุดสวย


     หลังจาก ตัวแทนจากทวีปแอฟริกากระตุกหนวดเสือ อาร์เจนตินา ก็ตั้งหน้าตั้งตาบุกหวังยิงนำทันที แล้วก็มีลุ้นอีก ในนาทีที่ 10 เมื่อ ลิโอเนล เมสซี่ พาบอลตะลุยหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนแทงทะลุช่องให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้าย บอลเข้าข้างหน้าต่างเสียแรก ชวดขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย


     นาทีที่ 25 ตัวแทนอเมริกาใต้ ได้เสียวอีก เมื่อ ลิโอเนล เมสซี่ เจ้าเก่า รับบอลจากการจ่ายมาให้ของ กอนซาโล่ อิกวาอิน ก่อนไหลให้ อังเคล ดิ มาเรีย วิ่งมาเข้าฮอสในเขตโทษ แต่เจ้าตัวมาช้าไปหน่อย เลยควบมาหวดไม่หวดไม่ทัน


     ต่อมาอีกสองนาที ไนจีเรีย ได้ลุ้นบ้าง จากจังหวะสวนกลับ บอลมาถึง ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ ก่อนเจ้าตัว เลี้ยงผ่าน แนวรับ "ฟ้าขาว" แล้วสับไกด้วยซ้าย ระยะ 25 หลา บอลเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว


     เกมเล่นมาถึงครึ่งชั่วโมงพอดี เป็น อาร์เจนตินา ที่มีโอกาสบ้าง เมื่อ อังเคล ดิ มาเรีย รับบอลจากเพื่อน ซึ่งผ่านมาให้จากกลางสนาม ก่อนแตะไปข้างหน้าหนึ่งจังหวะ แล้วตะบันไกลด้วยซ้ายข้างถนัด ระยะ 30 กว่าหลา บอลพุ่งแรงกำลังจะเสียบเสาสอง แต่ วินเซนต์ เอ็นเยียม่า นายประตู "อินทรีมรกต" ซูเปอร์เซฟ บินปัดออกหลังไปได้


     ขยับมาอีก 8 นาที "ฟ้าขาว" จำต้องเปลี่ยนผู้เล่นคนแรก เมื่อ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง เอเซเกล ลาเวซซี่ แข้งจาก ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง ลงมาล่าสกอร์แทน แต่ยังน่าชื้นใจหน่อยตรงที่ หัวหอกแมนฯ ซิตี้ สามารถเดินออกจากสนามเองได้


     นาทีที่ 44 ตัวแทนจาก อเมริกาใต้ ได้เสียวอีก จากฟรีคิก ระยะเกือบ 30 หลา ลิโอเนล เมสซี่ บรรจงปั่นด้วยซ้าย บอลโค้งจะเสียบสามเหลี่ยมเสาแรก แต่ วินเซนต์ เอ็นเยียม่า วันนี้หนึบเป็นพิเศษ ลอยตัวปัดออกหลังไปได้อีกครั้ง


     ช่วงทดเวลา ลิโอเนล เมสซี่ โชว์ความมหัศจรรย์ เมื่อ ยิงฟรีคิกด้วยซ้าย ระยะเกือบ 30 หลา อีกครั้ง บอลโค้งเสียบเสาแรก อย่างงดงาม ชนิดที่ วินเซนต์ เอ็นเยียม่า มือกาวที่เล่นได้เด่นมากในแมตช์นี้ สามารถใช้ได้เพียงสายตาเซฟ  อาร์เจนตินา ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 ก่อนจบครึ่งแรกได้ด้วยสกอร์นี้


     กลับมาเล่นครึ่งหลังได้ 2 นาที เป็น  ไนจีเรีย ตามตีเสมอเป็น 2-2 ได้อีกครั้ง จากความขยันของ อาห์เหม็ด มูซ่า ไล่จน ผู้เล่น "ฟ้าขาว" เสียบอลกลางสนาม ก่อนเจ้าตัว แทงบอลเร็วให้เพื่อนทำชิ่ง ก่อนเจ้าตัวแตะทะลุ เข้าไปในเขตโทษ แล้วหลอก เซร์คิโอ โรเมโร่ นายทวาร อาร์เจนตินา ซัดเสาแรกเข้าไป พร้อมกับเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้


     หลังนาทีคล้อยหลัง เคนเน็ธ โอเมอรูโอ แข้ง "อินทรีมรกต" โดน  ผู้ตัดสิน นิโกล่า ริซโซลี่ แจกใบเหลืองเป็นของชำร่วยคนแรกของเกม เมื่อไปเสียบหนักตัดเกม อังเคล ดิ มาเรีย จังหวะกำลังจะกระชากบอลเข้าเขตโทษ


     นาทีที่ 51อาร์เจนตินา ขึ้นนำเป็นครั้งที่สาม จากลูกคอนเนอร์ที่ เอเซเกล ลาเวซซี่ เปิดด้วยขวาเข้ามา มาร์กอส โรโฆ โถมมาโขก หน้าประตู ระยะ 6 หลา พลาด แต่บอลดันโดนหัวเข่าขวากลายเป็นดี เข้าประตูไป


     เกมหนักขึ้นเรื่อยๆ จูวอน โอชานิว่า นักเตะ ไนจีเรีย โดน ผู้ตัดสินชาวอิตาลี ควักใบเหลืองให้เป็นคนที่สองของเกม ในนาทีที่ 53 เมื่อ เสียบด้านหลัง เอเซเกล ลาเวซซี่ กองหน้าตัวสำรอง จนเจ้าตัวร้องลั่นสนาม


     เขยิบมาอีก 10 นาที ตัวแทนอเมริกาใต้ เปลี่ยนตัวอีก ถอด ลิโอเนล เมสซี่ ที่ทำคนเดียวสองประตู ออก แล้วส่ง ริคาร์โด้ อัลวาเรซ จากสโมสร อินเตอร์ มิลาน ลงมาเล่นแทน


     นาทีที่ 66  "อินทรีมรกต" จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวบ้าง เมื่อ ไมเคิ่ล บาบาตุนเด้ โชคร้าย โดนเพื่อนร่วมทีมซัดไกลนอกเขตโทษ บอลพุ่งมาชนบริเวณแขนขวา อย่างจัง แพทย์ข้างสนามเข้ามาดูอาการ แล้วปฐมพยาบาลกันชั่วคราว ก่อนส่งสัญญาณให้สตาฟฟ์โค้ชว่า เจ้าตัว น่าจะแขนหัก เล่นต่อไม่ไหว เลยต้องส่ง ไมเคิ่ล อูเชโบ้ ลงมาแทน


     ผ่านอีก 10 นาที ไนจีเรีย ได้ลุ้นอีก เมื่อ ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ ได้บอลอยู่นอกเขตโทษ เห็น เซร์คิโอ โรเมโร่ ยืนห่างจากเส้นประตู เจ้าตัวเลยชิพ กะให้เสียบใต้คาน แต่ นายด่าน อาร์เจนตินา ก็ยังไม่พลาด ถอยกลับไปรับได้ทัน


     กระเถิบมาอีก 2 นาที จากจังหวะฟรีคิก ริมเส้นฝั่งซ้าย อังเคล ดิ มาเรีย รับอาสา ก่อนจะเล่นลูกสูตร ทำท่าจะซัดไกล แล้วชิพข้ามหัว แผงหลัง ไนจีเรีย ให้ เอเซเกล ลาเวซซี่ วิ่งตามมากระทุ้งด้วยขวา ในเขตโทษ แต่โดนไม่เต็ม วินเซนต์ เอ็นเยียม่า เลยตะปบบไว้ได้


     หนึ่งนาทีให้หลัง "อินทรีมรกต" แก้เกม เอา อูเช่ เอ็นโวฟอร์ จาก ฮีเรนวีน ลงมาแทน ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้ ศูนย์หน้า สโต๊ค ซิตี้


     นาทีที่ 80 "ฟ้าขาว" เกือบได้เพิ่ม เมื่อ เอเซเกล การาย แนวรับ ขึ้นมาเติมเกมบุก ก่อนลอยตัวโขกเช็ดคนเดียวโล่งๆ ในเขตโทษ บอลถากเสาแรกนิดเดียว


     อาร์เจนตินา ยังไม่เพลาเกมรุกหวังได้เพิ่ม แลวก็มีจังหวะอีก ในนาทีที่ 85 เมื่อ อังเคล ดิ มาเรีย รับบอลจากเพื่อน ที่ไหลถวายพานให้ ก่อนเจ้าตัว จะกระชากเข้าไปในเขตโทษ แต่มุมยิงแคบไปหน่อย ปีก เรอัล มาดริด เลยสับ ไปตรงตัว วินเซนต์ เอ็นเยียม่า


     ห้วงเวลาที่เหลือ "อินทรีมรกต" ที่รู้ผลจากอีกสนาม ว่า บอสเนียฯ ชนะ อิหร่าน 3-1 ส่งผลให้ทีมตนเองเข้ารอบฐานะทีมอันดับสอง จึงเพลาเกมรุกลง ก่อนจบ 90 นาที อาร์เจนตินา เบียดชนะ สุดมันส์  3-2 เป็นแชมป์กลุ่มเอฟ ไปชนกับที่ 2 กลุ่มอี ส่วน ไนจีเรีย ที่ลิ่วเป็นชาติแรกในทวีปแอฟริกา จะฟัดกับ แชมป์กลุ่มอี

        รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม

        ไนจีเรีย (4-3-3) : วินเซนต์ เอ็นเยียม่า - เอเฟ่ อัมโบรส, เคนเน็ธ โอเมรูโอ, โจเซฟ โยโบ, ยูวอน โอชานิว่า - โอเกนยี่ โอนาซี่, จอห์น โอบี มิเคล, มิเชล บาบาตุนเด้ - ปีเตอร์ โอเดมวิงกี้, เอ็มมานูเอล เอเมนิเก้, อาห์เหม็ด มูซ่า

        อาร์เจนตินา (4-3-3) : เซร์คิโอ โรเมโร่ - ปาโบล ซาบาเลต้า, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, เอเซเกล การาย, มาร์กอส โรโฆ - เฟร์นานโด กาโก้, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อังเคล ดิ มาเรีย - ลิโอเนล เมสซี่, กอนซาโล่ อิกวาอิน, เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน

        ผู้ตัดสิน : นิโกล่า ริซโซลี่ (อิตาลี)