ก่อนนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2014 มีหลากหลายข้อมูลที่ถูกนำมาเปิดเผยซึ่งวันนี้ขอนำเสนอสถิติแบบตัวต่อตัว ตำแหน่งต่อตำแหน่งของแต่ละทีม

 ผู้รักษาประตู

 มานูเอล นอยเออร์ สร้างชื่ออย่างมากจากการเล่นเป็นสวีปเปอร์-คีพเพอร์ เพราะออกมาตัดเกมหน้ากรอบเขตโทษได้หลายครั้ง เป็นนายทวารที่ใช้เท้าเล่นบอลได้ดี และเซฟจังหวะสำคัญๆหลายครั้ง ขณะ เซร์คิโอ โรเมโร่ เสียแค่ 3 ประตูเท่านั้น แถมโชว์ฟอร์มเซฟช่วยทีมในการดวลจุดโทษมาแล้ว ทำให้ตำแหน่งนี้ทั้งคู่กินกันไม่ลง

แบ๊กขวา

 ฟิลิปป์ ลาห์ม โดดเด่นจากการเติมเกมทางกราบ และสามารถอ่านเกมขาดจนได้ทำหน้าที่มิดฟิลด์เชิงรับมาก่อนในช่วงแรก แม้จะตัวเล็ก แต่เวลาครองบอล คู่แข่งก็แย่งไปจากเขาได้ยากมาก ขณะที่ ปาโบล ซาบาเลต้า เด่นตรงการเติมเกมรุกเช่นกัน แต่มักลงมาช่วยแผงรับไม่ค่อยทัน เวลาโดนโต้กลับเร็ว ตำแหน่งนี้ ลาห์ม ชนะขาด

 เซนเตอร์แบ๊ก

 มัตส์ ฮุมเมิ่ลส์ นอกจากเล่นเหนียวแน่น ยังมีทีเด็ดที่โหม่งทำประตูดีอีกด้วย โชตร้ายตรงไม่ค่อยได้ลงเล่นเต็มที่เพราะปัญหาสุขภาพ มาร์ติน เดมิเคลิส เก๋ากว่าหลายขุม ข้อด้อยคืออายุเยอะทำให้บางจังหวะออกตัวช้า แม้แผงรับ อาร์เจนตินา ดีขึ้นเมื่อเขาเป็นตัวจริงแทน เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ แต่ ฮุมเมิ่ลส์ มีประโยชน์กับทีมมากกว่า

เซนเตอร์แบ๊ก

 เยโรม บัวเต็ง ทำผลงานโดดเด่นขึ้นทันที เมื่อขยับจากตำแหน่งแบ๊กขวามายืนเป็นเซนเตอร์แบ๊ก แม้ร่างกายเก้งก้าง แต่สกัดบอลจังหวะสำคัญๆได้เสมอ ส่วน เอเซเกล การาย คือหัวใจสำคัญของแผงรับ อาร์เจนตินา อีกคน แต่ร่างกายไม่ใหญ่โตสมกับตำแหน่ง จึงมักโดนคู่แข่งเบียดชนะหลายครั้ง จึงทำให้เป็นรอง บัวเต็ง พอสมควร

แบ๊กซ้าย

 เบเนดิคท์ โฮเวเดส สร้างชื่อจากการขึ้นไปช่วยเกมรุกได้อย่างคล่องแคล่ว แม้แทบไม่เคยเล่นแบ๊กซ้ายมาก่อน มาร์กอส โรโฆ่ ก็ใช้ร่างกายใหญ่โตให้เป็นประโยชน์ เมื่อถึงเวลาเลี้ยงลูกขึ้นมาจากแนวรับ และแทบไม่มีใครโยนบอลผ่านเขาไปได้ง่ายๆ แต่บางครั้งก็หายไปจากเกมดื้อๆ ทำให้เมื่อดูภาพรวม โฮเวเดส โดดเด่นกว่าเล็กน้อย

 กองกลางตัวรับ

 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ยืนคุมเกมรับหน้าแผงหลังอย่างยอดเยี่ยม และคอยสลับกับ ซามี่ เคดิร่า ขึ้นไปเสริมแนวบุกได้เสมอๆ แต่ยังไม่คล่องตัวเวลาโดนโต้กลับเร็ว เมื่อเทียบกับ ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ซึ่งขยันวิ่งขึ้นวิ่งลงตลอดเกม แถมบางครั้งติดนิสัยไปเล่นเซนเตอร์แบ๊กเหมือนอยู่ บาร์เซโลน่า ทำให้มีประโยชน์ในแผงรับมากกว่า

กองกลางตัวรับ

 ซามี่ เคดิร่า เหมือนรถยนต์ดีเซลที่เครื่องร้อนช้า ฟอร์มรอบน็อคเอาต์จึงดีกว่ารอบแบ่งกลุ่มค่อนข้างมาก และตะลุยขึ้นมาตรงกลางได้อย่างน่ากลัว ความแข็งแกร่งก็ทำให้เบียดแย่งบอลจากเขาลำบาก ขณะ ลูคัส บีญ่า พิสูจน์ให้เห็นว่าเล่นแน่นอนกว่า เฟร์นานโด กาโก้ แต่เพราะไม่ค่อยมีบทบาทกับเกมรุก จึงทำให้ยังเป็นรอง เคดิร่า

  ปีกขวา

 โธมัส มุลเลอร์ ได้กลับมาเล่นในตำแหน่งทางกราบขวาที่ถนัด หลังจากถูกโยกไปเป็นหัวหอกตัวเป้าในช่วงแรก และทักษะการครองบอล บวกด้วยความเป็นคนใจสู้ ทำให้หาคนมาหยุดเขาได้ยาก และ เอ็นโซ เปเรซ ที่เล่นตำแหน่งเดียวกันของทีม "ฟ้าขาว" ไม่ใช่คู่แข่ง เพราะเพิ่งได้ลงแทน อังเคล ดิ มาเรีย ซึ่งบาดเจ็บในรอบก่อนรองฯ

 กองกลางตัวรุก

 โทนี่ โครส กลายเป็นตัวทำเกมที่ทำให้แนวรุกของ เยอรมัน หลากหลายขึ้น เพราะความคืดสร้างสรรค์ของเขา ทำให้หาช่องจ่ายบอลได้เก่ง ขึ้นมาเติมจากแถวสองก็ดี แต่มันยังคนละชั้นเมื่อเทียบกับจอมทัพระดับโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ แม้อาจไม่มีช่องเจาะเข้าเขตโทษหรือหายไปเกือบทั้งเกม แต่วินาทีเดียวก็สามารถน็อคคู่แข่งได้เลย

 ปีกซ้าย

 เมซุต โอซิล อาจไม่ใช่ผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของ เยอรมัน ชุดนี้ เพราะถูกโยกไปเล่นตำแหน่งที่ไม่ถนัด แถมการเล่นเพื่อพิสูจน์ตัวเองตลอดเวลา ทำให้ขาดความหลากหลาย และเทียบไม่ได้กับ เอเซเกล ลาเวซซี่ ซึ่งลากเลื้อยได้เก่ง หาช่องเจาะแนวรับคู่แข่งจนสร้างโอกาสในการทำประตูได้มาก ทำให้ทีมไม่ต้องพึ่งในตัว เมสซี่ จนเกินไป

 กองหน้า

 มิโรสลาฟ โคลเซ่ ทำให้เห็นแล้วว่าสังขารไม่ใช่อุปสรรค หากยังสามารถใช้สัญชาติญาณดาวยิงชั้นยอดไห้เป็นประโยชน์ เขาอาจช้าเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมทีมรุ่นน้องที่คล่องแคล่วทุกคน แต่ในเขตโทษยังเชื่อใจได้มากกว่า กอนซาโล่ อิกวาอิน ที่แม้จะผ่านไปแล้ว 6 เกมเขาก็ยังยิงได้แค่ประตูเดียว เท่ากับ มาร์กอส โรโฆ่ ซึ่งเป็นกองหลัง