ถ่ายทอดสด: ททบ.5, ทรูสปอร์ต เอชดี 3 (668), ทรูวิชั่นส์ 99, ทรูวิชั่นส์ 37, (เวลา: 02.00 น.)

สนาม: เอสตาดิโอ กาสเตเลา, (ฟอร์ตาเลซ่า, บราซิล)

 คู่นี้เคยปะทะกันมา 38 นัด ปรากฏว่า บราซิล ทำได้ดีกว่าเอาชนะไปได้ 22 นัด ส่วน เม็กซิโก คว้าชัยไปได้ 10 นัด ที่เหลืออีก 6 นั้น ลงเอยด้วยการเสมอกันไป

 "เซเลเซา" บราซิล ชาติเจ้าภาพภายใต้การคุมทัพของหลุยซ์ เฟลีเป้ สโคลารี่ เทรนเนอร์คนเก่งที่จะพาทีมไล่ล่าแชมป์โลกสมัยที่ 6 นั้น ลงเล่นนัดเปิดสนามเอาชนะ โครเอเชีย ไปได้สวยงาม 3-1 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา เก็บสามแต้มได้ตามคาด ผงาดขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มเอ.

 ล่าสุดนั้น บราซิล ลงลับแข้งเอาชนะ สโมสรฟลูมิเนนเซ่ ชุดยู-20 ไปสบายเท้า 3-0 เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยใช้ผู้เล่นสำรองลงสนามเกือบทั้งหมด มีเพียง เปาลินโญ่ กองกลางจากสโมสรท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เท่านั้นที่เป็นตัวจริงในเกมนัดเปิดสนามที่เอาชนะ โครเอเชีย แล้วได้อยู่ในไลน์อัพ โดยทัพแซมบ้าที่เอาชนะฟลูมิเนนเซ่ (ยู-20) 3-0 นั้น ได้ประตูจาก แอร์นาเนส, วิลเลี่ยน และ รามิเรส

 ความพร้อมทั่วไปนั้น บราซิล ต้องกังวลกับอาการบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่าของ ฮัล์ค ตัวรุกร่างใหญ่จากสโมสรเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่อาการบาดเจ็บกำเริบขึ้นมาระหว่างลงซ้อมช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา และต้องเดินกะเผลกออกไปเพื่อรับการเยียวยาบริเวณริมสนาม

 อย่างไรก็ตามคาดกันว่า ฮัล์ค จะสามารถฟิตทันลงเล่นนัดต่อไปที่จะพบกับ เม็กซิโก คู่ปรับสำคัญที่เคยพิชิตทีมแซมบ้ามาแล้วในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโอลิมปิก เกมส์ ปี 2012 ได้ แต่ถ้าฟิตไม่ถึง จะเป็นโอกาสของ รามิเรส ที่ได้เล่นแทน

 แนวรับวาง ดาเนียล อัลเวส, ดาวิด ลุยซ์, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม) และ มาร์เชโล่ วิเอยร่าช่วยกันต้านทานเกมรุกของคู่แข่ง

 ห้องเครื่องของทีมส่ง ลุยซ์ กุสตาโว่ ยืนคุมเกมร่วมกับ เปาลินโญ่ ปล่อยให้ ฮัลค์, ออสการ์และ เนย์มาร์ ช่วยกันทำเกมรุกสนับสนุน เฟร็ด หัวหอกตัวเป้าเข้าทำประตู

 สลับมาดู "จังโก้อันตราย" เม็กซิโก ของกุนซือมิเกล เอร์เรร่า ทำได้ดีเช่นกันในการลงสนามนัดแรกของศึกฟุตบอลโลก 2014 เมื่อเชือด แคเมอรูน ทีมแกร่งของแอฟริกา ลงได้ 1-0 จากการทำประตูชัยของ โอรีเบ เปรัลต้า กองหน้าตัวเก่งในนาทีที่ 61 เก็บสามแต้มเต็ม รั้งรองจ่าฝูงของกลุ่ม เอ.

 สภาพทีมนั้นต้องรอเช็ค อันเดรส กวาร์ดาโด้ มิดฟิลด์ตัวริมเส้นคนเก่งที่บาดเจ็บจนต้องเปลี่ยนออกในเกมที่เอาชนะ แคเมอรูน หากฟิตไม่ทันเกมนี้จะเป็นโอกาสของ มาร์โก ฟาเบียน ได้ลงเล่นแทน

 ตำแหน่งผู้รักษาประตูใช้งาน กีเยร์โม่ โอชัว นายทวารวัย 28 ปี จากสโมสรอฌักซิโอ้ ในลีก เดอซ์ ฝรั่งเศส ลงมาเฝ้าเสาตามเดิม พร้อมได้ความช่วยเหลือจากแนวรับอย่าง ปอล อากีล่าร์, ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ, ราฟาเอล มาร์เคซ (กัปตันทีม), เอคตอร์ โมเรโน่ และ มิเกล ลายุน ช่วยกันต้านเกมรุกของเจ้าภาพ

 ในแดนกลางวาง เอคตอร์ เอร์เรร่า, โฮเซ่ ฮวน วาสเกซ และ อันเดรส กวาร์ดาโด้ ช่วยกันทำเกมรุกและคอยดักตัดเกมก่อนถึงแผงหลัง

 แนวรุกนั้นให้ โจวานี่ โดส ซานโต๊ส จับคู่กับ โอรีเบ เปรัลต้า ลงล่าตาข่าย ส่วนรายของ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ "ชิชาริโต้" กองหน้าวัย 26 ปี ของสโมสรแมนฯยูไนเต็ด มีชื่อแค่สำรองเท่านั้น

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนาม

 บราซิล: ชูลิโอ เซซ่าร์ - ดาเนียล อัลเวส, ดาวิด ลุยซ์, ติอาโก้ ซิลวา (กัปตันทีม), มาร์เชโล่ วิเอยร่า - ลุยซ์ กุสตาโว่, เปาลินโญ่ - ฮัลค์ (รามิเรส), ออสการ์, เนย์มาร์ - เฟร็ด

 เม็กซิโก: กีเยร์โม่ โอชัว - ปอล อากีล่าร์, ฟรานซิสโก้ โรดริเกซ, ราฟาเอล มาร์เคซ (กัปตันทีม), เอคตอร์ โมเรโน่, มิเกล ลายุน - เอคตอร์ เอร์เรร่า, โฮเซ่ ฮวน วาสเกซ, อันเดรส กวาร์ดาโด้ (มาร์โก ฟาเบียน) - โอรีเบ เปรัลต้า, โจวานี่ โดส ซานโต๊ส

 ผู้ตัดสิน: คูเนย์ต ซาคีร์ (ตุรกี)

- คู่นี้เจอกันเป็นครั้งที่ 4 เข้าให้แล้วในฟุตบอลโลก โดยบราซิลเป็นฝ่ายชนะทั้ง 3 หนก่อน ยิงได้ 11 ไม่เสียสักประตู
- อย่างไรก็ดี ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่พบกันต้องย้อนไปเมื่อ 64 ปีก่อนที่บราซิลเป็นเจ้าภาพเช่นกัน ในนัดเปิดสนามที่มาราคาน่า (ชนะ 4-0)
- ส่วนเกมทางการหนล่าสุดที่พบกันคือคอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ปีที่แล้วที่สนามเอสตาดิโอ คาสเตเลา เช่นเดียวกับนัดนี้ โดยเป็นบราซิลชนะ 2-0 จากประตูของ เนย์มาร์ และ โช อัลเวส
- เม็กซิโกเคยบุกชนะบราซิลแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในเกมกระชับมิตรเมื่อ 1968 (2-1)
- นับรวมแล้ว เม็กซิโกชนะแค่ 1 จาก 11 เกมฟุตบอลโลกที่เจอคู่แข่งอเมริกาใต้ (ชนะเอกวาดอร์ 2-1 เมื่อ 2002) ที่เหลือเสมอ 2 แพ้ถึง 8
- หลุยซ์ เฟลิเป้ สโคลารี่ เคยคุมทีมเจอเม็กซิโกมาก่อนในฟุตบอลโลก โดยพาโปรตุเกสชนะ 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม 2006
- เนย์มาร์ กดตาข่าย 33 ลูกจากการลงเล่นให้บราซิลแค่ 50 นัด รวมถึงซัดไป 6 จาก 4 เกมหลังสุด
- บราซิลแพ้แค่ 1 จากเกมฟุตบอลโลกรอบแบ่งกลุ่ม 34 นัดนับตั้งแต่ 1970 (ชนะ 27 เสมอ 6) โดยพ่ายนอร์เวย์ 1-2 เมื่อปี 1998 แต่สถานการณ์ตอนนั้นทีมเข้ารอบไปแล้ว
- ทัพเซเลเซาไร้พ่าย 38 เกมติดต่อกันแล้วในถิ่นตัวเอง หรือนับตั้งแต่แพ้ปารากวัย 0-1 ในเกมกระชับมิตรเมื่อ 2002
- โอริเบ เปรัลต้า หอกจังโก้ ยิง 9 ลูกจาก 7 เกมหลังให้ทีมชาติ รวมถึงประตูโทนในเกมแรกที่ชนะแคเมอรูน