ครั้งที่ 15 ฟุตบอลโลก 1994 (ที่สหรัฐอเมริกา)
ฟุตบอลโลก 1994 เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่15 จัดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสมาชิกที่ผ่านรอบคัดเลือกร่วมทั้งหมด 24 ทีม โดยเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกจัดการแข่งขันที่ทวีปอเมริกาเหนือด้วย และเป็นครั้งแรกที่ใช้การนับแต้มระบบ ชนะได้ 3 แต้มซึ่งเป็นการคาดหวังว่าจะทำให้ทุกทีมหันมาเน้นกันทำประตูกันมากขึ้น
โดยในครั้งนี้ไม่มีมหาอำนาจลูกหนังโลกขวัญใจชาวไทย อย่างอังกฤษ และ ฝรั่งเศสลงแข่งขันด้วย เนื่องจากไม่ผ่านรอบคัดเลือกหลังจากได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกต่อจากอิตาลี หลายฝ่ายต่างพากันเป็นห่วงว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้ อาจจะกลายเป็นงานกร่อยก็เป็นได้ ในเมื่อฟุตบอล หรือซอคเก้อร์ ยังไม่เป็นที่นิยมมากนักในหมู่อเมริกันชน เท่ากับ บาสเกตบอล, อเมริกันฟุตบอล หรือเบสบอล แต่เอาเข้าจริงแล้ว ชาวอเมริกันก็ยังทนกลิ่นเย้ายวนของกีฬาที่พวกเขาเรียกว่า ซอคเก้อร์ ไม่ไหว สนามขนาดยักษ์ที่เจ้าภาพเตรียมการเอาไว้ มีผู้ชมเข้าชมเต็มความจุของสนามทุกแห่งทุกนัด เป็นการสร้างกระแสความนิยมในกีฬาชนิดนี้ให้แก่อเมริกาอย่างเต็มที่
การแข่งขันครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มีทีมเข้าร่วมโม่แข้ง 24 ทีม เนื่องจากในปี 1998 ฟีฟ่าได้เพิ่มจำนวนทีมในรอบสุดท้ายเป็น 32 ทีม 24 ประเทศที่เข้าร่วมแข่งขัน ต่างผ่านการคัดสรรมาอย่างดี เรียกได้ว่าทุกทีมล้วนมีฝีเท้าใกล้เคียงกันอย่างที่สุด
กลุ่มเอ โรมาเนีย ยอดทีมจากดินแดนยุโรปตะวันออก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆ ผ่านเข้ารอบสองด้วยการเป็นที่ 1 ของสาย อเมริกา เจ้าภาพ ตามมาเป็นอันดับ 2 ส่วนทีม โคลัมเบีย ทีมที่เปเล่ เอ่ยปากชมว่ามีสิทธิ์เป็นแชมป์โลก ต้องตกรอบแรกแบบไม่มีลุ้น พร้อมด้วยเรื่องเศร้า เมื่อ อันเดรส เอสโคบาร์ ถูกลอบยิงหลังจากกลับสู่บ้านเกิด เนื่องจากการทำเข้าประตูตัวเองของเขาในนัดที่พบกับเจ้าภาพ สร้างความไม่พอใจให้กับบรรดาผู้มีอิทธิพลในโคลัมเบีย
กลุ่มบี บราซิล เต็งหนึ่งตลอดกาล ผ่านเข้ารอบสองแบบสบายเท้า ด้วยฟอร์มการพังประตูของคู่หัวหอก โรมาริโอ - เบเบโต้ , ทีมไวกิ้ง สวีเดน ก็โชว์ฟอร์มสวยหรู เข้ารอบเป็นที่สอง ส่วนทีมม้ามืดเมื่อสี่ปีก่อนอย่าง แคเมอรูน ปีนี้พวกเขาประสบปัญหาภายในทีม ก่อนการแข่งขัน ประธานาธิบดี พอล บีญ่า ต้องควักกระเป๋าตัวเอง 185,000 เหรียญอเมริกัน จ่ายให้นักเตะเพื่อไม่ให้พวกเขาประท้วงไม่ยอมลงเตะ แต่ด้วยสภาพทีมที่ไม่พร้อม พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่รอบแรก
กลุ่มซี แชมป์เก่า เยอรมัน กับสเปน กอดคอกันผ่านเข้ารอบสองอย่างหืดจับ หลังจากที่แชมป์เก่าเกือบตายในนัดเปิดสนาม เมื่อเฉือนโบลิเวียไปเพียงประตูเดียว ในขณะที่สเปน ก็พลาดท่าถูกเกาหลีใต้ตามตีเสมอในช่วงท้ายเกมก่อนจะมาคืนฟอร์มในนัดส่งท้าย ถล่มโบลิเวีย 3-1 เข้ารอบตามแชมป์เก่า
กลุ่มดี อาร์เจนตินา ที่นำทัพโดย ดีเอโก้ มาราโดน่า เข้ารอบสองด้วยการเป็นทีมอันดับสามที่มีคะแนนดีที่สุด ปล่อยให้ทีมนอกสายตาอย่าง ไนจีเรีย และ บัลแกเรีย เข้ารอบเป็นที่หนึ่งและสองตามลำดับ
กลุ่มอี หลังจากเตะครบสามนัด ทั้งสี่ทีมมี 4 แต้มเท่ากันหมด ต้องวัดกันที่ประตูได้-เสีย อิตาลี โชคดีกว่า นอร์เวย์ เข้ารอบ 2 หวุดหวิด ในขณะที่เม็กซิโก และไอร์แลนด์ เข้าเป็นที่หนึ่งและสอง ด้วยประตูได้-เสียที่ดีกว่า
กลุ่มเอฟ ซาอุดีอาระเบีย ตัวแทนจากเอเชีย สร้างความประหลาดใจให้กับใครต่อใคร เมื่อพวกเขาผ่านเข้ารอบเป็นอันดับสองได้สำเร็จ ด้วยผลงานชนะ 2 แพ้ 1 แซงหน้าปีศาจแดงแห่งยุโรป เบลเยียม ด้วยประตูได้-เสีย ส่วน ฮอลแลนด์ เข้าเป็นอันดับหนึ่งตามระเบียบ
รอบที่ 2 เกือบจะไม่มีการพลิกล็อกใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่เพียงคู่ของ โรมาเนีย - อาร์เจนตินา เมื่อทีมฟ้า-ขาว ปราศจากผู้นำอย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า หลังจากถูกจับว่าใช้สารกระตุ้น อีกทั้งโรมาเนีย โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะ จอร์จี้ ฮาจี้ มิดฟิลด์ตัวปั้นเกมที่เป็นเสมือน ทุกสิ่งทุกอย่างของโรมาเนีย เหมือนอย่างที่มาราโดน่าเป็นทุกอย่างของอาร์เจนตินา และแล้วรองแชมป์เก่าก็ต้องกลับบ้านด้วยการแพ้ไป 3-2 ขณะที่คู่อื่นๆ ไม่มีการพลิกโผแต่อย่างใด บราซิล เอาชนะเจ้าภาพ 1-0, สเปน อัด สวิตเซอร์แลนด์ 3-0, สวีเดน เอาชนะซาอุดีอาระเบีย 3-1, เยอรมัน เฉือน เบลเยียม 3-2, ฮอลแลนด์ ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0, บัลแกเรีย เอาชนะจุดโทษ เม็กซิโก 3-1และ อิตาลี ชนะไนจีเรียหวุดหวิด 2-1 จากฮีโร่คนเดิมที่ชื่อ โรแบร์โต้ บักโจ้
ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายนี้ ได้บังเกิดแมตช์แห่งความทรงจำขึ้นอีกแมตช์หนึ่ง ในนัดที่บราซิล ต้องโคจรมาพบกับฮอลแลนด์ ทั้ง 2 ทีมงัดเอากลยุทธ์ทุกอย่างออกมาใช้ แต่แล้วก็เป็นบราซิลที่ทำได้ดีกว่า เอาชนะฮอลแลนด์ 3-2 จากการยิงฟรีคิกของ บรังโก้ นักเตะที่ใครๆ ต่างพากันตราหน้าว่าหมดน้ำยาไปแล้ว
ทีมนอกสายตาอย่าง บัลแกเรีย ก็ยังแรงไม่เลิก พลิกเอาชนะแชมป์เก่า เยอรมัน 2-1 หลังจาก มัทเธอุส ยิงให้อินทรีเหล็กออกนำไปก่อน แต่พวกเขาก็ทวงคืน 2 ประตูรวด จากฟรีคิกสุดงามของ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ และลูกโหม่งของ ยอร์ดาน เลทช์คอฟ โรมาเนีย ม้ามืดอีกทีมหนึ่งกลับไปไม่ถึงดวงดาว เมื่อต้องพ่ายจากการยิงจุดโทษกับสวีเดน หลังจากเสมอในเวลา 2-2 ทั้งๆ ที่พวกเขาอุตส่าห์ยิงนำได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ อิตาลี เป็นอีกทีมหนึ่งที่เข้ารอบ ด้วยความมหัศจรรย์ของนักเตะที่ชื่อ บักโจ้ เช่นเคย โดยเขายิงประตูชัยให้ทีมชนะสเปน 2-1 ในนาที่ 88
รอบรองชนะเลิศ บราซิล ต้องหวนมาพบกับ สวีเดน อีกครั้ง หลังจากเป็นทีมร่วมสายกันในรอบแรก บราซิลเปิดเกมบุกเกือบจะตลอด แต่ก็ไม่สามารถยิงผ่านมือของ โทมัส ราเวลลี่ นายประตูของสวีเดนได้ ในขณะที่บราซิลเกือบจะหมดปัญญาหาวิธียิงประตูสวีเดน ฮีโร่ก็บังเกิดขึ้น เมื่อ โรมาริโอ กลายเป็นผู้พาแซมบ้าผ่านเข้ารอบชิงได้สำเร็จ จากการยิงของเขาในนาทีที่ 80
อิตาลี กลายเป็นคู่ชิงชนะเลิศกับบราซิล ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะมาได้ไไกลถึงเพียงนี้ ทั้งหมดนั้นคงต้องยกความชอบให้กับ โรแบร์โต้ บักโจ้ ผู้ยิงประตูสำคัญๆ พาอิตาลีเข้ารอบลึกๆ รวมถึงในรอบรองเช่นกัน เมื่อเขายิง 2 ประตู ให้อิตาลีชนะบัลแกเรีย 2-1 และนี่เป็นนัดชิงชนะเลิศเวิลด์ คัพที่สนุกตื่นเต้นตลอด 120 นาที แม้จะไม่มีประตูบังเกิดขึ้นก็ตาม อิตาลี ใช้ยุทธวิธีตั้งรับตามสไตล์ ในขณะที่ บราซิล ก็บุกถล่มทุกวิถีทาง จนกระทั่งต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ เป็นครั้งแรกในการชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก และ บักโจ้ พระเอกของ อิตาลีก็กลายเป็นผู้ร้ายในบัดดล เมื่อเขายิงพลาดในประตูสุดท้าย ปล่อยให้ บราซิล คว้าแชมป์โลกไปครองเป็นสมัยที่ 4 เป็นทีมแรกของ
ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก
แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
- ปี
- ชนะเสิศ
- รองชนะเสิศ
- อันดับ 3