ครั้งที่ 17 ฟุตบอลโลก 2002 (ที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต)
ฟุตบอลโลก 2002 จัดขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 31 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2545 เป็นการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 17 และเป็นครั้งแรกที่เจ้าภาพโดย 2 ประเทศ ซึ่งทำให้ ฟุตบอลทีมชาติเกาหลีใต้ และ ทีมชาติญี่ปุ่น เข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกทันทีรวมถึง ทีมชาติฝรั่งเศส ที่ชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 1998 และนับเป็นการแข่งขันครั้งแรกที่จัดขึ้นในทวีปเอเชีย ในการแข่งขันนี้ ทีมชาติบราซิล ได้ชนะ เยอรมัน ไป 2-0
ฟุตบอลโลกหนแรกบนแผ่นดินเอเชียเผยให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการลูกหนัง ซึ่งเต็ม ไปด้วยความน่าประหลาดใจ และเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน นับตั้งแต่นัดเปิดสนามไปจนนัดชิงชนะเลิศ แต่สุดท้ายก็กลายเป็น 2 ทีมยักษ์ใหญ่หน้าเดิมๆ อย่างเยอรมัน และบราซิล ที่ได้ดวลแข้งแย่งแชมป์โลก ก่อนที่ทีมดังจากอเมริกาใต้ ซึ่งมี "3 อาร์" - โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ เป็นตัวชูโรง จะผงาดครอง แชมป์โลก สมัยที่ 5 มากกว่าใครๆ ในโลกหล้าไปในที่สุด
นัดเปิดสนามกลายเป็นตำนานแห่งการพลิกล็อกครั้งใหญ่ เมื่อทีมน้องใหม่ในศึก เวิลด์ คัพ อย่าง เซเนกัล เฉือนเอาชนะ "แชมป์เก่า" ฝรั่งเศส ไปแบบช็อกโลก 1-0 แถมยังส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง กับพลพรรค "เลส์ เบลอส์" เมื่อไม่อาจเอาชนะคู่แข่งในกลุ่ม เอ ได้เลย เก็บไปได้เพียง 1 แต้ม ตกรอบ แรกไปโดยที่มิอาจยิงประตูคู่แข่งได้เลยแม้แต่ลูกเดียว!!!
ขณะที่ความผิดหวังอย่างรุนแรงตกเป็นของทีม "ตราไก่" แต่ทัวร์นาเมนต์ที่มหัศจรรย์กลับกลาย เป็นของขุนพล "สิงโตแห่งเตรังก้า" เมื่อเป็นฝ่ายรุกคืบหน้าผ่านเข้าสู่รอบสอง ก่อนที่จะหักปากกาเซียน พลิกเอาชนะสวีเดนไปอีก 2-1 ด้วยประตู "โกลเด้น โกล์" หลังต่อเวลา 120 นาที ยังเสมอกัน 1-1 แต่ก็ ต้องไปพลาดท่าตกรอบก่อนรองชนะเลิศด้วยประตู "โกลเด้น โกล์" เช่นกัน จากฝีเท้าของตุรกี หลังต่อ เวลา 120 นาที ยังเสมอกัน 0-0
ด้าน กลุ่ม ดี ก็มีแมตช์พลิกล็อกครั้งใหญ่เช่นกัน เมื่อสหรัฐอเมริกาเปิดหัวด้วยการเฉือนเอาชนะ โปรตุเกส 3-2 แม้ทัพ "ฝอยทอง" จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมาชนะโปแลนด์ 4-0 ก็ตาม แต่ก็มีอันต้องล่อง จุ๊นกลับบ้านแต่ไก่โห่ เมื่อต้องมาเจอเซอร์ไพรส์จาก "เจ้าภาพร่วม" เกาหลีใต้ จนพ่ายไปอีก 0-1 ตกรอบ แรกไปอย่างไม่มีใครคาดคิด
ขณะเดียวกัน ความเข้มข้นในรอบแรกยังตกไปอยู่ที่กลุ่ม เอฟ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น "กลุ่มแห่งความ ตาย" ด้วยเช่นกัน ในเมื่อมีทีมอย่างอังกฤษ, สวีเดน, อาร์เจนตินา และไนจีเรีย มาอยู่ร่วมกัน โดยยังมี นัดล้างตาเกิดขึ้นในเกมคู่ระหว่าง "สิงโตคำราม" กับ "ฟ้า-ขาว" ที่เมืองซัปโปโร่ ประเทศญี่ปุ่น เดวิด เบ็ค แฮม กัปตันทีมผู้ดี ซึ่งโดนใบแดงในศึก "ฟร้องซ์' 98" เกมพ่ายขุนพลอาร์เจนไตน์ในการดวลจุดโทษ ตก รอบ 2 ไปอย่างน่าเจ็บใจนั้น ก็ได้โอกาสลบรอยแค้นด้วยการยิงจุดโทษเป็นประตูชัย 1-0 ให้กับอังกฤษ ก่อนที่ อาร์เจนตินา ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นทีมเต็งแชมป์ก่อนเปิดฉากชิงชัย จะทำได้แค่เสมอ 1-1 กับ ทีม "ฟรีเซ็กซ์" ในนัดสุดท้าย ส่งผลทำให้กลายเป็น "ยักษ์ใหญ่" อีกทีมหนึ่งที่ต้องกลับบ้านก่อนกำหนด
เมื่อดำเนินมาถึงรอบน็อกเอาท์ ผลการแข่งขันที่ไม่คาดฝันก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อ " โสมขาว" ยังคงโชว์ทีเด็ดเจ้าภาพร่วม พลิกโผเคี้ยว "มะกะโรนี" อิตาลี 2-1 ด้วยประตูทอง "โกลเด้น โกล์" ของ อาห์น จุง-ฮวาน ศูนย์หน้าหน้าหวาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังหักเขา "กระทิงดุ" สเปน ด้วยการดวลจุดโทษในรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปได้อีกต่างหาก หลังเสมอกัน 0-0 ในการต่อเวลาพิเศษ
แม้ "โสมขาว" จะมาพลาดท่าแพ้ "อินทรีเหล็ก" 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ ไปในที่สุดก็ตาม แต่ก็มิ อาจต้านทานกระแสคลื่นมหาชนชาวเกาหลีที่พากันออกมาเฉลิมฉลองความสำเร็จเกินคาดของทีมรักกัน อย่างเนืองแน่นไปทั่วทุกหัวระแหงในเกาหลีใต้ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นมาตลอดในทุกๆ นัดที่ผ่านมา
ส่วน ญี่ปุ่น "เจ้าภาพร่วม" อีกทีม ก็ประสบความสำเร็จพอสมควร ด้วยการเป็นทีมอันดับ 1 ของ กลุ่ม เอช ก่อนที่จะพ่ายตุรกี 0-1 ในรอบสอง โดยขุนพล "เติร์ก" นั้น โชว์ฟอร์มน่าประทับใจไปได้ไกลจน ถึงรอบตัดเชือกเลยทีเดียว
รอบก่อนรองชนะเลิศ มียักษ์ชนยักษ์ 1 คู่ เมื่ออังกฤษโคจรมาพบกับบราซิล อังกฤษขึ้นนำไปก่อน 1-0 ด้วยฝีเท้าของ ไมเคิ่ล โอเว่น นาทีที่ 23 แต่ก็ต้องมาถูก ริวัลโด้ ยิงตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 47 ก่อนที่ จะมาโดนลูกฟรีคิกระยะไกลสุดมหัศจรรย์ของ โรนัลดินโญ่ หลอกหลอนเข้าให้ในนาทีที่ 50 แต่ในอีก 7 นาทีต่อมา "เหยินน้อย" ก็มีอันต้องมาโดนใบแดงไปอย่างไม่คาดฝัน อย่างไรก็ดี พลพรรค "แซมบ้า" ก็ ยังคงสยบเกมรุกของทีมผู้ดีเอาไว้ได้ตลอด หมดเวลาจึงเอาชนะไปในที่สุด 2-1
เมื่อมาถึงรอบตัดเชือก แม้ตุรกีจะฟอร์มดีแค่ไหนก็มิอาจต้านทานความแข็งแกร่งของบราซิลได้ สำเร็จ โดย โรนัลโด้ มีชื่อเป็นผู้ทำประตูชัยในนัดนี้ ส่วนอีกสายหนึ่ง เยอรมันอาศัยความคงเส้นคงวา และความเหนียวหนึบของ โอลิเวอร์ คาห์น นายทวารด่านสุดท้าย ดาหน้าผ่านเข้ารอบลึกๆ มาเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้ชื่อว่าเป็นทีมเต็งแชมป์ในคราวนี้เลยก็ตาม โดยชนะคู่แข่ง 1-0 มาทุกนัดตั้งแต่รอบ 2 ก่อน ที่จะมาดับความหวังทะลุชิงแชมป์โลกของเกาหลีใต้ไปในที่สุด
และแล้ว "อินทรีเหล็ก" และ "เซเลเซา" ก็โคจรมาพบกันเป็นครั้งแรกในศึก เวิลด์ คัพ โดย โรนัลโด้ ซึ่งเล่นไม่ออกในนัดชิงดำเมื่อ 4 ปีก่อน กู้ชื่อโชว์ฟอร์มเป็นพระเอกในนัดชิงชนะเลิศบนแผ่นดินแดนปลาดิบ เหมาคนเดียว 2 ประตู ส่งบราซิลผงาดครองแชมป์โลกสมัยที่ 5 ด้วยชัยชนะ 2-0 พร้อมกับรั้งตำแหน่งดาว ซัลโวฟุตบอลโลก 2002 ด้วยผลงานยิงกระหน่ำ 8 ประตูอีกต่างหาก
ไม่ฝืน! ฟีร์มิโนเจ็บถอนทัพแซมบ้าชุดคัดบอลโลก
แนวรุกบราซิเลียนของหงส์แดง ตัดสินใ...
- ปี
- ชนะเสิศ
- รองชนะเสิศ
- อันดับ 3