ฟุตบอลโลก 1998 เป็นการแข่งขันฟุตบอลโลกจัดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส ในช่วงระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน ถึง 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 ฝรั่งเศสได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพโดยการตัดสินจากฟีฟ่า ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2535 ชนะประเทศโมร็อกโก

มหกรรมเวิลด์ คัพ ครั้งที่ 16 ซึ่งจัดขึ้นในดินแดนน้ำหอม "ฝรั่งเศส" กลายเป็นศึกฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา มีชาติต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 32 ทีม และความนิยมก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าฟุตบอลโลกครั้งก่อนๆ มาก ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ชมในสนาม หรือ หน้าจอโทรทัศน์ รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด รวมทั้งยอดจำหน่ายตั๋วเข้าชม

บราซิล "แชมป์เก่า" ลงเตะเปิดสนามกับ สกอตแลนด์ แต่ก็เหนื่อยหนักกว่าจะปราบนักเตะขี้เมา ไปได้ 2-1 ที่สังเวียน สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ ซึ่งสามารถจุผู้ชมได้มากถึง 80,000 คน จากนั้น นักเตะแซมบ้า ก็มาพลาดท่าพ่าย นอร์เวย์ ไปอย่างพลิกล็อค 1-2 โดย เชติล เร็คดาลห์ ยิงประตูสุดสวยให้ทีมจากถิ่นสแกนดิเนเวีย และนับเป็นการปราชัยครั้งแรกของบราซิล ต่อ นอร์เวย์ ในรอบ 32 ปี แต่ทีมแชมป์โลก 4 สมัย ก็กอดคอ นอร์เวย์ ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 ได้สำเร็จ

ส่วนทีม "กระทิงดุ" สเปน ที่ถูกคาดหมายว่าจะทำผลงานได้ดีในฟร้องซ์ 98 กลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อโดนเขี่ยตกรอบแรก ขณะที่ในกลุ่ม จี อังกฤษ ควง "ผีดิบ" โรมาเนีย เข้ารอบ ด้าน อาร์เจนตินา ก็โชว์ฟอร์มในกลุ่ม เอช ได้ร้อนแรง ชนะทุกนัด โดยไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว "บาติโกล์" กาเบรียล บาติสตูต้า ซัดแฮตทริก ได้ในเกมถล่ม จาเมกา 5-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อย่างสวยงาม

สำหรับการแข่งขันในรอบที่ 2 นี้ มีทีมจากยุโรปถึง 10 ชาติที่หลุดเข้ามา และ"โบโบ้" คริสเตียน วิเอรี่ ก็ยิงประตูชัยให้อิตาลี เฉือนเอาชนะ นอร์เวย์ 1-0 ขณะที่ โรนัลโด้ ไม่ยอมน้อยหน้า ซัด 2 ลูกช่วย บราซิล ถล่ม ชิลี ไป 4-1

ด้าน ฝรั่งเศส ยังโชคดี ได้ โลร็องต์ บล็องก์ มาโขกพังประตูชัยในช่วงโกลเด้นโกล์ เฉือนเอาชนะ ปารากวัย 1-0 ส่วน นักเตะฟ้า-ขาว ก็สู้กับ ทีม "สิงโตคำราม" อังกฤษ ได้อย่างสนุก เสมอกันในเวลา 90 นาที และช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-2 ปรากฏว่าต้องยิงจุดโทษตัดสิน ซึ่ง อาร์เจนตินา ยิงได้แม่นกว่าเอาชนะผ่านเข้ารอบ 8 ทีมไปได้

รอบ 8 ทีมสุดท้าย ขุนพล "ตราไก่" ฝรั่งเศส ต้องเล่นถึงขั้นดวลจุดโทษกับ อิตาลี หลังจาก 120 นาทีไม่สามารถหาผู้ชนะได้ และเจ้าภาพก็โชคดีอีกครั้ง เมื่อใจเด็ดกว่ายิงจุดโทษชนะ ได้ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก ส่วน บราซิล ยังเล่นได้สุดมันส์เชือด นักเตะ "โคนม" เดนมาร์ก 3-2 ขณะที่ "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ ก็ปราบ อาร์เจนตินา ลงได้ 2-1 ด้วยประตูชัยอันสุดสวยของ เดนนิส เบิร์กแค้มป์ แต่ที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนทั่วโลก ก็คือการพลิกล็อคของ ทีม "ตราหมากรุก" โครเอเชีย ที่อัด เยอรมัน ไป 3-1 ส่งผลให้ทีมอินทรีเหล็ก ร่วงตกรอบอย่างชนิดสู้ไม่ได้

เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ บราซิล ลงเตะกับ ฮอลแลนด์ ที่เมืองมาร์กเซย โดย "เจ้าโล้นทองคำ" โรนัลโด้ กระทุ้งให้ทีมกาแฟขึ้นนำไปก่อน 1-0 แต่ พาทริก ไคลเวิร์ต ก็มาตีเสมอให้ทีม "อัศวินสีส้ม" ได้ก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที จากนั้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้ง 2 ทีมต่างทำอะไรกันไม่ได้ ต้องยิงจุดโทษตัดสิน และเป็นนักเตะแซมบ้า ที่ได้ดีใจกันถ้วนหน้า เมื่อ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ นักเตะดัตช์ ยิงจุดโทษพลาด ทำให้ ฮอลแลนด์ ต้องพ่ายแพ้ไป ส่วนเกมอีกคู่ โครเอเชีย เกือบทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นใจสลาย เมื่อยิงให้ทีมตราหมากรุก ออกนำไปก่อน 1-0 แต่ ลิลิยอง ตูราม แบ๊กขวาตัวเก่ง มาช่วยซัด 2 ประตู พาฝรั่งเศส ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ

นัดชิงชนะเลิศ ของศึกฟุตบอลโลก 1998 จึงเป็นการพบกันระหว่าง บราซิล กับ ฝรั่งเศส ปรากฏว่า นักเตะตราไก่ เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่อัด ทีมแซมบ้า พ่ายไปอย่างไม่เป็นท่า จากการทำ 2 ประตูของ ซีเนอดีน ซีดาน มิดฟิลด์พรสวรรค์สูง และเอ็มมานูเอล เปอตีต์ อีก 1 ลูก ฝรั่งเศสจึงคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกไปครองอย่างยิ่งใหญ่ ส่วน โครเอเชีย ก็เฉือน ฮอลแลนด์ 2-1 คว้าอันดับที่ 3 ไปครองอย่างน่าชมเชย